การเข้ามาของนักศึกษาต่างประเทศ กับผลกระทบต่อประเทศไทย

05 ก.ค. 2560 | 14:40 น.
อัปเดตล่าสุด :05 ก.ค. 2560 | 21:40 น.
TP7-3276-B ในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา จำนวนนักศึกษาต่างชาติที่เข้ามาศึกษาในสถาบันการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยในประเทศไทยได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก ดังจะเห็นได้จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติเมื่อ 2545 ที่พบว่ามีนักศึกษาต่างชาติในประเทศไทยประมาณ 4,000 คนขณะที่ข้อมูลล่าสุดจากสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา (สกอ.) เมื่อ 2556 พบว่ามีนักศึกษาดังกล่าวจำนวน 18,814 คน ซึ่งเพิ่มเป็นเกือบ 5 เท่าตัว ในบทความนี้จะขอกล่าวถึงสถานการณ์ปัจจุบัน นโยบายรัฐบาล และ ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้โดยสังเขป

จากข้อมูลของสกอ. ตามตารางที่ 1 นักศึกษาจากประเทศจีนมีจำนวนมากที่สุด คือ คิดเป็น 35.4% ของจำนวนนักศึกษาต่างชาติในประเทศไทย ส่วนประเทศที่มีนักศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยในประเทศไทยรองลงมา ได้แก่ เมียนมาร์ ลาว เวียดนาม และ กัมพูชา ซีงเป็นประเทศเพื่อนบ้านใกล้ชิดของไทย จำนวนนักศึกษาจากทั้ง 5 ประเทศคิดเป็น 62.5%

อะไรคือปัจจัยหลักที่ทำให้มีการเข้ามาของนักศึกษาต่างชาติในประเทศไทยสาเหตุสำคัญในความเห็นของผู้เขียน คือ การขาดโอกาสในการศึกษาในประเทศที่นักศึกษาดังกล่าวอาศัยอยู่ และการเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพในอนาคตรายงานของ ยินและคณะ (2015) เสนอว่าจำนวนนักเรียนมัธยมของจีนใน 2556 เท่ากับ 9.12 ล้านคน และในจำนวนนี้มีเพียง 87% ที่สามารถเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยในประเทศจีน ดังนั้นนักศึกษาจีนจำนวนหนึ่งจึงต้องออกมาศึกษาในต่างประเทศ จากข้อมูลของสกอ. พบว่า ใน 56 นักศึกษาโดยส่วนใหญ่ (69%) ใช้เงินทุนของตนเอง นักศึกษา 16.4 % ได้ทุนจากรัฐบาลไทย และ นักศึกษา 5.7 %ได้ทุนจากประเทศที่ 3 นอกจากนี้ยังพบว่ามหาวิทยาลัยที่มีนักศึกษาต่างชาติมากที่สุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (2,912 คน หรือ 15.5%) มหาวิทยาลัยมหิดล (1,328 คนหรือ 7%) และ มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย (1,187 คนหรือ 6.3%)

[caption id="attachment_173977" align="aligncenter" width="503"] การเข้ามาของนักศึกษาต่างประเทศ กับผลกระทบต่อประเทศไทย การเข้ามาของนักศึกษาต่างประเทศ กับผลกระทบต่อประเทศไทย[/caption]

แล้วนักศึกษาต่างชาติเหล่านี้ส่วนใหญ่เลือกเรียนสาขาไหน สำหรับ 5 ประเทศหลัก ซึ่งได้แก่ จีน เมียนมาร์ ลาว เวียดนาม และกัมพูชา สาขาบริหารธุรกิจและธุรกิจระหว่างประเทศได้รับความนิยมอันดับหนึ่ง สำหรับสาขาที่ได้รับความนิยมอันดับที่ 2 มีความแตกต่างกันบ้าง โดยนักศึกษาจากลาวและกัมพูชาเลือกเรียนภาษาอังกฤษส่วนสาขาที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 2 ของนักศึกษาจากเมียนมาร์ได้แก่ การศึกษาเกี่ยวกับพุทธศาสนา และของนักศึกษาเวียดนาม ได้แก่ การพยาบาลและสาธารณสุข

ในด้านนโยบายของรัฐบาลไทย ใน 2552 รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ได้เสนอนโยบายที่ต้องการส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการศึกษาของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายใน 2560 นอกจากนั้น ใน 2559 รัฐบาลไทยยังได้ให้ทุนการศึกษาแก่นักศึกษาต่างชาติเพื่อมาเรียนในประเทศไทย แต่ดูเหมือนว่าความหวังของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ก็ยังไม่สัมฤทธ์ผล

ในภาวะที่ผู้สูงอายุของไทยมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ และคนหนุ่มสาวที่จะเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยมีสัดส่วนที่น้อยลงเรื่อยๆ บางทีมหาวิทยาลัยในเมืองไทยอาจต้องการให้มีนักศึกษาจากต่างชาติเข้ามาเรียนมากขึ้นเพื่อเป็นการชดเชย แต่การเข้ามาของนักศึกษาต่างชาติบางส่วนก็อาศัยการศึกษาเป็นการบังหน้าเพื่อให้ได้วีซ่าเข้ามาในประเทศและทำงานพร้อมไปด้วย

ดังนั้นเพื่อความเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบอย่างรอบด้านของการเข้ามาของนักศึกษาต่างชาติในประเทศไทยและเพื่อประโยชน์ในการจัดทำข้อเสนอแนะทางนโยบายสำหรับภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้ ศูนย์วิจัยการย้ายถิ่นแห่งเอเชียของสถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจึงได้เริ่มทำการวิจัยในหัวข้อเรื่อง การเคลื่อนย้ายของนักศึกษาต่างชาติในอาเซียน: โอกาสและข้อท้าทายในการพัฒนาความร่วมมือในระดับภูมิภาค ซึ่งผู้เขียนจะนำเสนอผลของการวิจัยในโอกาสต่อไป

1 Factors Affecting Chinese Students’ Decision Making toward Thai Universities: Hongzhi Yin, AtthapatRuangkanjanases, and Chenin Chen, International Journal of Information and Education Technology, Vol. 5, No. 3, March 2015

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,276 วันที่ 6 - 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2560