Play
Talent ในธุรกิจครอบครัว
จากการสำรวจของไพรซ์วอเทอร์เฮาส์คูเปอส์ หรือ PwC โดยการสัมภาษณ์เชิงคุณภาพธุรกิจครอบครัวในอุตสาหกรรมที่แตกต่างกันของสิงคโปร์ จำนวน 112 รายและสัมภาษณ์แบบเผชิญหน้า จำนวน 6 ราย ในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน ปีค.ศ. 2015 พบว่า 64.7% ของธุรกิจครอบครัวในสิงคโปร์ชี้ว่าการดึงดูดคนเก่งเข้ามาในองค์กรเป็นความท้าทายมากที่สุดที่พวกเขาต้องเผชิญ เนื่องจากบรรดาคนเก่งเหล่านี้ต้องรู้สึกถึงความก้าวหน้าในอาชีพและโอกาสอื่นๆที่พวกเขาจะได้รับหากเข้ามาทำงานในธุรกิจครอบครัว ซึ่งบริษัททั่วไปมีแนวโน้มที่จะทำการตลาดตัวเองได้ดีเพื่อให้มีศักยภาพในการจ้างงานคนเหล่านี้เข้าทำงาน
ขณะที่ธุรกิจครอบครัวนั้นยังขาดทรัพยากรภายในที่จำเป็นในด้านนี้อยู่ รวมไปถึงคนเก่งเหล่านี้ต้องการมั่นใจว่าพวกเขาจะได้รับข้อมูลที่จำเป็นต่อการทำงานของพวกเขา ซึ่งไม่เสมอไปที่จะได้รับในองค์กรที่อาจมีโครงสร้างคงที่ไม่มากนักและไม่แน่ว่าการตัดสินใจอย่างเป็นทางการไปแล้วจะไม่มีการพลิกกลับในภายหลังผ่านช่องทางของครอบครัว
อย่างไรก็ตามถือเป็นความท้าทายสำหรับธุรกิจด้วยเช่นกัน เนื่องจากโครงสร้างที่จำเป็นในการผสมผสาน ความสามารถของคนเก่งจากภายนอกเข้าด้วยกันอาจไม่มีอยู่จริง หมายความว่าแม้บุคคลภายนอกจะได้รับการว่าจ้างเข้ามาในองค์กร แต่อาจไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่าที่หวังไว้เนื่องจากการนำบุคคลภายนอกเข้ามาเปลี่ยนแปลงพลวัตรขององค์กร สมาชิกในครอบครัวอาจไม่เต็มใจที่จะวงมือจากอำนาจการควบคุม และผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกมักนำมาซึ่งความคาดหวังแตกต่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความต้องการที่จะมีการเติบโตเร็วขึ้น
แนวทางการแก้ปัญหาในข้างต้นคือการเป็นมืออาชีพทั้งทางธุรกิจและครอบครัว ธุรกิจต้องมีโครงสร้างและขั้นตอนที่ชัดเจนเพื่อให้พนักงานที่มาจากภายนอกได้รับเครื่องมือที่จำเป็นในการทำงาน และครอบครัวจำเป็นต้องมีการกำกับดูแลที่ชัดเจนเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงจากการนำคนนอกเข้ามา ทั้งนี้จากการสำรวจของ PwC ในปี ค.ศ. 2514 ในเยอรมนี พบประโยชน์ที่ชัดเจนจากการนำคนเก่งจากภายนอกเข้ามา
โดยธุรกิจครอบครัวที่จ้างบุคคลภายนอกในระดับอาวุโสจะเติบโตเร็วกว่าบริษัทที่มีเฉพาะคนในครอบครัว เนื่องจากเมื่อธุรกิจเติบโตขึ้นจะมีความเป็นไปได้น้อยลงที่ทักษะและประสบการณ์ที่จำเป็นทั้งหมดจะหาได้ภายในครอบครัว นอกจากนี้การทำธุรกิจอย่างมืออาชีพและการนำคนเก่งจากภายนอกเข้ามายังสามารถช่วยในเรื่องอื่นได้อีกด้วย โดย Ng Siew Quan, ผู้นำธุรกิจและผู้ประกอบการในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้ให้คำแนะนำว่า "ธุรกิจครอบครัวมักบ่นว่าอาจเป็นเรื่องยากที่จะรักษาความปลอดภัยทางการเงินไว้ได้ ซึ่งประเภทของการกำกับดูแลจะเป็นตัววัดสำคัญที่นักลงทุนจะมองหาเช่นเดียวกับการมีคนเก่งที่เหมาะสมในองค์กร ที่บ่อยครั้งหมายถึงคนเก่งจากภายนอก ซึ่งพบว่ายังคงยากที่จะสรรหาคนเก่งในสิงคโปร์ แต่หากทำได้จะสามารถช่วยยกระดับให้กับธุรกิจครอบครัวได้เลยทีเดียว"
ธุรกิจครอบครัวที่ถูกสำรวจส่วนใหญ่ตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นอย่างดีและมีมาตรการในการรักษาคนเก่งจากภายนอกโดย 56.8% อ้างถึงวัฒนธรรมองค์กรและ 50.5% แนะนำผลตอบแทนที่ดึงดูดใจเป็นมาตรการสำคัญ (ภาพที่ 1) ซึ่งเรื่องนี้มีความสำคัญมากเนื่องจากธุรกิจของครอบครัวมักจะมาถึงจุดที่การเติบโตต่อไปจะยากขึ้นหากปราศจากความช่วยเหลือจากภายนอก แม้อาจเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายแต่หากธุรกิจและครอบครัวสร้างความเป็นมืออาชีพในทางที่ถูกต้องก็สามารถใช้เป็นแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่งสำหรับความสำเร็จในอนาคตได้
ที่มา: PwC. 2016. Successful Family Businesses : Generation After Generation. Available: www.pwc.com
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,261 วันที่ 14 - 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2560
ขณะที่ธุรกิจครอบครัวนั้นยังขาดทรัพยากรภายในที่จำเป็นในด้านนี้อยู่ รวมไปถึงคนเก่งเหล่านี้ต้องการมั่นใจว่าพวกเขาจะได้รับข้อมูลที่จำเป็นต่อการทำงานของพวกเขา ซึ่งไม่เสมอไปที่จะได้รับในองค์กรที่อาจมีโครงสร้างคงที่ไม่มากนักและไม่แน่ว่าการตัดสินใจอย่างเป็นทางการไปแล้วจะไม่มีการพลิกกลับในภายหลังผ่านช่องทางของครอบครัว
อย่างไรก็ตามถือเป็นความท้าทายสำหรับธุรกิจด้วยเช่นกัน เนื่องจากโครงสร้างที่จำเป็นในการผสมผสาน ความสามารถของคนเก่งจากภายนอกเข้าด้วยกันอาจไม่มีอยู่จริง หมายความว่าแม้บุคคลภายนอกจะได้รับการว่าจ้างเข้ามาในองค์กร แต่อาจไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่าที่หวังไว้เนื่องจากการนำบุคคลภายนอกเข้ามาเปลี่ยนแปลงพลวัตรขององค์กร สมาชิกในครอบครัวอาจไม่เต็มใจที่จะวงมือจากอำนาจการควบคุม และผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกมักนำมาซึ่งความคาดหวังแตกต่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความต้องการที่จะมีการเติบโตเร็วขึ้น
แนวทางการแก้ปัญหาในข้างต้นคือการเป็นมืออาชีพทั้งทางธุรกิจและครอบครัว ธุรกิจต้องมีโครงสร้างและขั้นตอนที่ชัดเจนเพื่อให้พนักงานที่มาจากภายนอกได้รับเครื่องมือที่จำเป็นในการทำงาน และครอบครัวจำเป็นต้องมีการกำกับดูแลที่ชัดเจนเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงจากการนำคนนอกเข้ามา ทั้งนี้จากการสำรวจของ PwC ในปี ค.ศ. 2514 ในเยอรมนี พบประโยชน์ที่ชัดเจนจากการนำคนเก่งจากภายนอกเข้ามา
โดยธุรกิจครอบครัวที่จ้างบุคคลภายนอกในระดับอาวุโสจะเติบโตเร็วกว่าบริษัทที่มีเฉพาะคนในครอบครัว เนื่องจากเมื่อธุรกิจเติบโตขึ้นจะมีความเป็นไปได้น้อยลงที่ทักษะและประสบการณ์ที่จำเป็นทั้งหมดจะหาได้ภายในครอบครัว นอกจากนี้การทำธุรกิจอย่างมืออาชีพและการนำคนเก่งจากภายนอกเข้ามายังสามารถช่วยในเรื่องอื่นได้อีกด้วย โดย Ng Siew Quan, ผู้นำธุรกิจและผู้ประกอบการในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้ให้คำแนะนำว่า "ธุรกิจครอบครัวมักบ่นว่าอาจเป็นเรื่องยากที่จะรักษาความปลอดภัยทางการเงินไว้ได้ ซึ่งประเภทของการกำกับดูแลจะเป็นตัววัดสำคัญที่นักลงทุนจะมองหาเช่นเดียวกับการมีคนเก่งที่เหมาะสมในองค์กร ที่บ่อยครั้งหมายถึงคนเก่งจากภายนอก ซึ่งพบว่ายังคงยากที่จะสรรหาคนเก่งในสิงคโปร์ แต่หากทำได้จะสามารถช่วยยกระดับให้กับธุรกิจครอบครัวได้เลยทีเดียว"
ธุรกิจครอบครัวที่ถูกสำรวจส่วนใหญ่ตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นอย่างดีและมีมาตรการในการรักษาคนเก่งจากภายนอกโดย 56.8% อ้างถึงวัฒนธรรมองค์กรและ 50.5% แนะนำผลตอบแทนที่ดึงดูดใจเป็นมาตรการสำคัญ (ภาพที่ 1) ซึ่งเรื่องนี้มีความสำคัญมากเนื่องจากธุรกิจของครอบครัวมักจะมาถึงจุดที่การเติบโตต่อไปจะยากขึ้นหากปราศจากความช่วยเหลือจากภายนอก แม้อาจเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายแต่หากธุรกิจและครอบครัวสร้างความเป็นมืออาชีพในทางที่ถูกต้องก็สามารถใช้เป็นแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่งสำหรับความสำเร็จในอนาคตได้
ที่มา: PwC. 2016. Successful Family Businesses : Generation After Generation. Available: www.pwc.com
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,261 วันที่ 14 - 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2560