KEY
POINTS
"ไทยยูเนี่ยน" คว้ารางวัล Global Expansion Award เวที “Go Thailand 2026 : Beyond Survival” สะท้อนพลังผู้นำไทยยุคใหม่ จากความโดดเด่นด้านการขยายธุรกิจสู่สากล พร้อมวิสัยทัศน์ Marine Health & Nutrition
ท่ามกลางช่วงเปลี่ยนผ่านสำคัญของประเทศไทย ทั้งบริบทการเมือง เศรษฐกิจ และการแข่งขันระดับโลก เวที “Go Thailand 2026 : Beyond Survival” จัดโดยฐานเศรษฐกิจ จึงเปรียบเสมือนจุดรวมพลังความหวังใหม่ของสังคมไทย เพื่อนำความท้าทายมาสร้างเป็นโอกาสในการขับเคลื่อนประเทศสู่ยุคถัดไป งานดังกล่าวจัดขึ้นเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 ณ สยามพารากอน โดยมีผู้นำภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมอย่างคับคั่ง พร้อมร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีมอบรางวัล “The Leadership Award 2025” ซึ่งมอบให้แก่ผู้นำที่มีความโดดเด่นจาก 10 สาขา
หนึ่งในรางวัลสำคัญของปีนี้คือ Global Expansion Award ที่ตกเป็นของ “ธีรพงศ์ จันศิริ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้นำที่ผลักดันองค์กรอาหารทะเลของไทยให้อยู่ในระดับแถวหน้าของโลกมาอย่างต่อเนื่อง โดยในวันงาน มีนายชู ชง ชาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านกิจการกลุ่มบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ขึ้นรับรางวัลแทน
“ธีรพงศ์” ให้มุมมองกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า เคล็ดลับความสำเร็จของไทยยูเนี่ยน คือการมองหาจุดแข็งขององค์กรให้เจอ พร้อมสร้าง Growth Mindset ให้พนักงานคิดเสมอว่าต้องทำได้ดีกว่าเดิม พร้อมกล้าที่จะล้มเหลว เพราะโลกยุคนี้คือความไม่แน่นอน การเปลี่ยนแปลงรุนแรงและรวดเร็ว “Change is Normal” จึงจำเป็นที่ทุกคนต้องไม่หยุดเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง
นอกจากการบริหารต้นทุนที่เข้มแข็งแล้ว ไทยยูเนี่ยนยังเดินหน้าตามวิสัยทัศน์การเป็นผู้นำระดับโลกด้าน Marine Health & Nutrition ผ่านการสร้างผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ การผลักดันมาตรฐานด้านความยั่งยืน และการพัฒนาบุคลากรด้านเทคโนโลยีเพื่อรองรับโลกธุรกิจยุคใหม่ โดยองค์กรเชื่อว่าการเติบโตจากนี้ต้องเป็น “การเติบโตที่ยั่งยืนจริง” ไม่ใช่เพียงการขยายเชิงปริมาณ
แม้ในด้านภาพรวมเศรษฐกิจโลกปี 2569 “ธีรพงศ์” จะประเมินว่ายังคงเต็มไปด้วยความท้าทาย ทั้งผลพวงจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศมหาอำนาจ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน รวมถึงปัจจัยภายในประเทศ จากภาระหนี้สินของครัวเรือนไทยที่ยังสูง ขณะที่นโยบายการเงินยังตึงตัว แต่ยังมีสัญญาณเชิงบวกจากภาคท่องเที่ยวและการบริโภคภายในประเทศที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง ซึ่งน่าจะช่วยประคองเศรษฐกิจไทยในภาพรวม
ไทยยูเนี่ยนฯ ยังเดินหน้ากลยุทธ์ในการรับมือความผันผวน โดยยึด 3 แนวทางสำคัญ ได้แก่
Resilience : การปรับตัวอย่างทันการณ์
Simpler : การลดความซ้ำซ้อนของการทำงาน
Leaner & Faster : เพิ่มความคล่องตัว และตัดสินใจเร็วขึ้น เพื่อให้สามารถยืนหยัดได้ท่ามกลางความผันผวนจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก
สะท้อนความสำเร็จได้จากผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้บริษัทมียอดขายรวมอยู่ที่ 34,501 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 1,304 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า สะท้อนความสามารถในการทำกำไรต่อเนื่อง แม้ในภาวะเศรษฐกิจโลกยังคงมีความท้าทาย โดยได้รับแรงหนุนจากกลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง และกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแช่แข็ง ส่งผลให้ไทยยูเนี่ยนฯยังมีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งต่อเนื่องที่ 4,127 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568
“ผลประกอบการในไตรมาส 3 แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความสามารถในการปรับตัวของไทยยูเนี่ยน ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน สะท้อนว่าเรากำลังดำเนินกลยุทธ์ไปในทิศทางที่ถูกต้อง ทั้งในด้านการเพิ่มความคล่องตัวของการดำเนินงาน การเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลัก และการต่อยอดศักยภาพการแข่งขันของแบรนด์ในพอร์ตทั้งหมดของบริษัท” ธีรพงศ์ กล่าว
ปัจจุบันไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป หรือ TU เป็นผู้นำระดับโลกในอุตสาหกรรมอาหารทะเล โดยมุ่งมั่นส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง ดีต่อสุขภาพ และเปี่ยมด้วยนวัตกรรมให้แก่ผู้บริโภคทั่วโลกมาตั้งแต่ปี 2520 บริษัทเป็นหนึ่งในผู้ผลิตปลาทูน่าบรรจุกระป๋องรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยมีรายได้รวมกว่า 138,433 ล้านบาทในปี 2567 และมีพนักงานมากกว่า 44,000 คนทั่วโลก ภายใต้วิสัยทัศน์ในการเป็นผู้นำระดับโลกในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและโภชนาการเพื่อสุขภาพจากท้องทะเล และพันธกิจ “Healthy Living, Healthy Oceans” ธุรกิจของไทยยูเนี่ยนครอบคลุมผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแปรรูปและแช่แข็ง ผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า โปรตีนทางเลือก อาหารสัตว์เลี้ยง และอาหารสัตว์
ไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, King Oscar, Rügen Fisch และ SEALECT โดยบริษัทฯ มุ่งสร้างผลกระทบเชิงบวกทั้งต่อผู้คนและสิ่งแวดล้อม ภายใต้กลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® 2030
สำหรับอีกก้าวย่างสำคัญในปี 2568 ไทยยูเนี่ยนยังสามารถระดมทุนด้าน Blue Finance หรือการบริหารจัดการการเงินเพื่อการทำงานด้านการอนุรักษ์ท้องทะเล มูลค่ารวมกว่า 24,000 ล้านบาท โดยนับเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่มีการออกหุ้นกู้แบบผสมผสานระหว่าง Blue Bond และ Sustainability-Linked Bond ภายในธุรกรรมเดียวกัน ซึ่งได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างล้นหลาม ด้วยยอดจองซื้อทะลุเป้าถึง 3.68 เท่า ส่งผลให้ไทยยูเนี่ยนสามารถระดมทุนจากแหล่งเงินทุนที่เชื่อมโยงกับความยั่งยืนได้เกินเป้าหมายปี 2568 ซึ่งกำหนดไว้ที่ 75% ของเงินกู้ยืมระยะยาว และพร้อมเดินหน้าสู่เป้าหมาย 100% ภายในปี 2573
“เราเดินหน้าสู่การปิดปี 2568 ด้วยความแข็งแกร่ง พร้อมวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับความสำเร็จในปี 2569 ไทยยูเนี่ยนมุ่งลดความซับซ้อนของกระบวนการต่างๆ เพิ่มความคล่องตัวและความรวดเร็วในการทำงาน เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำของโลกในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและโภชนาการเพื่อสุขภาพจากท้องทะเล” ธีรพงศ์ กล่าวเสริม
ขณะที่โครงการด้าน Transformation ของบริษัท ได้แก่ โปรเจ็กต์ Sonar และ โปรเจ็กต์ Tailwind ยังคงเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนกลยุทธ์เพื่อมุ่งสู่ปี 2573 โดยค่าใช้จ่ายจากโครงการดังกล่าวยังส่งผลต่อกำไรในระยะสั้น แต่ไทยยูเนี่ยนคาดว่าค่าใช้จ่ายเหล่านี้จะทยอยลดลงตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป นอกจากนี้ ไทยยูเนี่ยนยังเดินหน้าปรับโครงสร้างการบริหารงานเพื่อเพิ่มความคล่องตัวและประสิทธิภาพการบริหารจัดการต้นทุนในกระบวนการผลิต การจัดซื้อ และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร โดยตั้งเป้าลดค่าใช้จ่ายสุทธิ 118 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2570
สำหรับการคว้ารางวัล Global Expansion Award ในครั้งนี้จึงเปรียบเสมือนบทพิสูจน์การก้าวที่มั่นคงของไทยยูเนี่ยนในฐานะองค์กรไทยบนเวทีโลก พร้อมตอกย้ำว่าการบริหารบนพื้นฐานการเรียนรู้ พัฒนา และกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง คือหัวใจสำคัญของผู้นำยุคใหม่-ผู้นำที่ไม่หยุดยืนอยู่ในกรอบเดิม แต่เดินหน้าฝ่าอุปสรรคอยู่รอดท่ามกลางความผันผวน และ “Go Beyond Survival” อย่างแท้จริง
นายชู ชง ชาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านกิจการกลุ่มบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ตัวแทนรับรางวัลในครั้งนี้ ได้กล่าวขอบคุณ และระบุว่ารางวัลนี้สะท้อนถึงบทบาทการขยายธุรกิจระดับสากลของไทยยูเนี่ยนที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง
เบื้องหลังความสำเร็จของไทยยูเนี่ยนฯในครั้งนี้ อ้างอิงจากแนวคิดการบริหารองค์กรของนายธีรพงศ์ จันศิริ ซีอีโอของบริษัทฯที่ให้ความสำคัญกับ “การบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ” อันเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจอาหารทะเลโลกที่ผันผวนสูง ทั้งด้านต้นทุนวัตถุดิบ ค่าขนส่ง และสภาพเศรษฐกิจโลกที่คาดการณ์ยาก