‘สนั่น อังอุบลกุล’ บอสใหญ่ ‘ศรีไทยฯ’ ผู้นำที่ดีต้องฟังสองเจเนอเรชัน แล้วผสานเป็นหนึ่งพลัง

06 ก.ย. 2568 | 22:29 น.

“ศรีไทยซุปเปอร์แวร์” เป็นหนึ่งในผู้ผลิตสินค้าพลาสติกอินเจ็คชั่นและเครื่องครัวเมลามีนชั้นนำของอาเซียน ด้วยรายได้กว่าหมื่นล้านบาทในปีที่ผ่านมา โดยสร้างการเติบโตบนรากฐานของความเชี่ยวชาญด้านการผลิตที่ยาวนาน และการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อยืนหยัดเป็นองค์กรที่ผู้บริโภคทั่วโลกไว้วางใจ

KEY

POINTS

  • คุณสนั่นเชื่อว่าผู้นำที่ดีต้องเปิดใจรับฟัง (Empathy) ทั้งคนรุ่นใหม่และรุ่นใหญ่ เพื่อทำความเข้าใจจุดแข็งและจุดอ่อนของแต่ละฝ่าย
  • ใช้แนวทางผสานจุดแข็งของทั้งสองรุ่น โดยให้โอกาสคนรุ่นใหม่ได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ และให้คนรุ่นใหญ่เป็นที่ปรึกษา (mentor) เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์
  • เป้าหมายคือการสร้างพลังร่วม (synergy) ที่เกิดจากความสดใหม่ของคนรุ่นใหม่และความมั่นคงจากประสบการณ์ของคนรุ่นใหญ่ ทำให้เกิดทีมงานที่แข็งแกร่งพร้อมรับทุกการเปลี่ยนแปลง

“สนั่น อังอุบลกุล” ประธานกรรมการ บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) เผยว่า ปัจจุบัน ธุรกิจของศรีไทยฯ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.บรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม เช่น ฝาปิดขวด พรีฟอร์มสำหรับผลิตขวด PET กล่องอาหารพร้อมรับประทาน (ready-to-eat) และบรรจุภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่

2.ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ได้แก่ พาเลทและลังสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม ถังบรรจุเคมีและสี เปลือกหม้อแบตเตอรี่ยานยนต์ รวมถึงอุปกรณ์พลาสติกที่ออกแบบมาเพื่อความทนทานและประสิทธิภาพสูง และ 3.เครื่องครัวเมลามีน ที่เป็นจุดแข็งดั้งเดิมของศรีไทยฯ ที่ยังคงสร้างชื่อเสียงระดับโลก โดยส่งออกไปยังกว่า 100 ประเทศ และเป็นที่ยอมรับในคุณภาพและมาตรฐาน

ปัจจุบันศรีไทยฯมีพนักงานมากกว่า 3,000 คน และมีฐานการผลิตในไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย เมียนมา และอินเดีย ส่งผลให้สามารถเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานและตอบสนองความต้องการของตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความยืดหยุ่น

‘สนั่น  อังอุบลกุล’ บอสใหญ่ ‘ศรีไทยฯ’ ผู้นำที่ดีต้องฟังสองเจเนอเรชัน แล้วผสานเป็นหนึ่งพลัง

“หลักคิดและปรัชญาการบริหารสำหรับผมการทำธุรกิจต้องไม่ใช่การเดินตาม แต่ต้องกล้าที่จะมองเห็นในสิ่งที่คนอื่นยังไม่เห็น และลงมือทำเป็น First Mover ศรีไทยซุปเปอร์แวร์จึงเติบโตมาได้ยาวนานกว่า 6 ทศวรรษ เพราะเราไม่หยุดอยู่กับที่ เราเลือกที่จะก้าวนำทั้งในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ และการขยายธุรกิจไปสู่หลายอุตสาหกรรมและหลายภูมิภาค เพื่อเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้กับบริษัทอยู่ตลอดเวลา"

สิ่งที่ทำให้ศรีไทยฯ แข็งแรงคือการได้ Exposure จากทั้งอุตสาหกรรมที่หลากหลายและตลาดต่างประเทศซึ่งช่วยให้เรามีมุมมองที่กว้างขึ้น เข้าใจความต้องการของผู้บริโภคจากหลายวัฒนธรรม และสามารถนำความรู้ที่ได้มาต่อยอดสู่นวัตกรรมที่สร้างความแตกต่างและมีคุณค่า”

ทั้งนี้การจะยืนหยัดได้จริงนั้นไม่ใช่เพียงการมองไกลหรือการเติบโตในเชิงธุรกิจเท่านั้น แต่ยังเชื่อมั่นเสมอว่าธุรกิจที่ดีต้องดำเนินอยู่บนรากฐานของการทำสิ่งที่ถูกต้องทั้งในแง่ศีลธรรมและกฎหมาย ศรีไทยฯ ยึดมั่นในการทำธุรกิจอย่างโปร่งใส ซื่อสัตย์ และมีความรับผิดชอบต่อพนักงาน คู่ค้า และสังคม เพราะส่วนตัวเชื่อว่าความสำเร็จที่แท้จริงไม่ใช่แค่ผลกำไร แต่คือการสร้างความไว้วางใจและการยอมรับจากทุกฝ่าย นั่นคือสิ่งที่ทำให้ศรีไทยฯ ยืนหยัดได้อย่างมั่นคงและพร้อมจะก้าวไปข้างหน้าอย่างยั่งยืนต่อไป

ด้านการบริหารคนและทีมงาน “สนั่น” มีมุมมองว่า การบริหารคนในยุคนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของการสั่ง แต่คือการเข้าใจคนสองเจเนอเรชัน และทำให้พวกเขาทำงานร่วมกันได้อย่างมีพลัง สิ่งแรกที่ตนยึดถือคือ Empathy การเปิดใจรับฟังทั้งคนรุ่นใหม่และรุ่นใหญ่เพราะแต่ละรุ่นมีทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนแตกต่างกัน ผู้นำต้องสามารถ identify (แยกแยะ)สิ่งเหล่านี้ และนำจุดแข็งของทั้งสองรุ่นมาผสมผสานกันจนเกิดเป็น synergy

“ผมเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้ลงมือทำจริง ๆ และได้ลองเสี่ยงในสิ่งใหม่ ๆ ที่เป็น calculated risk เพราะการให้โอกาสพวกเขาได้เรียนรู้จากการปฏิบัติจะทำให้เกิดพลังสร้างสรรค์และนวัตกรรมใหม่ ๆ ในองค์กร ขณะเดียวกันผมก็มองว่าคนรุ่นใหญ่คือเสาหลักที่มีคุณค่า และเป็น mentor (ที่ปรึกษา) ที่สามารถถ่ายทอดประสบการณ์และคอยแนะนำแนวทางให้กับรุ่นใหม่ได้”

แนวทางนี้ทำให้ศรีไทยฯ มีทั้งพลังของความสดใหม่จากคนรุ่นใหม่ และความมั่นคงจากประสบการณ์ของคนรุ่นใหญ่ เมื่อทั้งสองรุ่นสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างเกื้อหนุน ก็จะได้ทีมงานที่แข็งแรงและพร้อมเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงในทุกสถานการณ์

สนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการ บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน)

“สนั่น” กล่าวอีกว่า ศรีไทยฯมีพนักงานหลายเจเนอเรชัน บางคนอยู่กับเรามานานกว่า 30–40 ปี ขณะที่บางคนเพิ่งเข้ามาเป็นพลังใหม่ขององค์กร สิ่งที่ให้ความสำคัญเสมอคือทำอย่างไรให้ทุกคนรู้สึกว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกันไม่ว่าคุณจะอยู่ในแหน่งไหนขององค์กร ทุกตำแหน่งล้วนมีความหมายต่อความสำเร็จของศรีไทยฯทั้งสิ้น ทั้งนี้เชื่อว่าวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแรงต้องตั้งอยู่บน “การร่วมมือและการมีส่วนร่วม” เมื่อทุกคนเห็นคุณค่าของตัวเองและเห็นเป้าหมายเดียวกัน ทีมงานจะเกิดพลังบวกและพร้อมเดินไปด้วยกัน แม้จะต่างวัย ต่างประสบการณ์ แต่ก็สามารถผสานกันจนกลายเป็นพลังเดียว

วันนี้ศรีไทยฯ ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยแนวคิด ROFO (Responsible, Ownership, Focus และ On-time Corrective Actions) อยากให้ทุกคนมีความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ทำ รู้สึกเป็นเจ้าของงานจริง ๆ มีความมุ่งมั่นและที่สำคัญคือเมื่อมีปัญหาต้องแก้ไขได้อย่างทันท่วงที นอกจากนั้นยังให้ความสำคัญกับการมี Shared Vision และ Shared Goals เพราะถ้าเราไม่มีภาพอนาคตร่วมกัน แต่ละคนก็จะเดินไปคนละทาง แต่เมื่อทุกคนเห็นทิศทางเดียวกัน เข้าใจเป้าหมายเดียวกัน เราก็จะเป็นทีมที่แข็งแรง และสามารถพาศรีไทยฯ ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง

“มองย้อนกลับไปความสำเร็จที่ทำให้ผมภาคภูมิใจที่สุดคือการได้เห็นศรีไทยฯ เติบโตจากธุรกิจครอบครัว สู่การเป็นบริษัทมหาชน และเป็นแบรนด์ระดับโลกที่มีคนรู้จักและใช้ผลิตภัณฑ์ในกว่า 100 ประเทศ ความสำเร็จนี้ไม่ใช่ผลงานของผมเพียงคนเดียว แต่เป็นพลังจากทีมงานหลายรุ่นที่ทุ่มเทร่วมกันสำหรับผมแล้วความสำเร็จไม่ได้วัดแค่ตัวเลขหรือผลกำไร แต่คือการที่เราสามารถยืนด้วยตัวเองได้ ไม่เป็นภาระให้ใคร และยังมีความสุขได้ในทุกสถานการณ์ของชีวิต เพราะธุรกิจและชีวิตย่อมมีทั้งขาขึ้นและขาลง สิ่งสำคัญคือการรักษาความสุขและสมดุลให้ได้เสมอ”

อีกสิ่งที่ตนยึดถือมาตลอดคือการเรียนรู้ในทุก ๆ วัน เชื่อในการเรียนรู้ตลอดชีวิต (lifelong learning) เพราะโลกเปลี่ยนเร็วมาก หากเราหยุดเรียนรู้ เราจะหยุดการเติบโต ตนยังเรียนรู้จากทีมงาน คนรุ่นใหม่ และประสบการณ์ที่เข้ามาในแต่ละวันเสมอ เป้าหมายสำคัญที่อยากทำให้สำเร็จก่อนวางมือ คือการสร้างคนรุ่นใหม่ ให้สามารถยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง และมีความสามารถที่จะเผชิญกับความท้าทายต่าง ๆ ได้โดยไม่หวั่นไหว

นอกจากนี้ความยั่งยืนของศรีไทยซุปเปอร์แวร์ไม่ได้หมายถึงแค่การเติบโตทางธุรกิจ แต่ยังรวมถึงการพัฒนาทั้งในด้านธุรกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม ซึ่งทั้งสามมิตินี้ต้องผสมผสานกันเพื่อให้ศรีไทยฯ สามารถยืนหยัดและเติบโตในระยะยาว โดยเชื่อว่านวัตกรรมคือกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้า

“เรากำลังสร้างความเข้มแข็งจากภายในโดยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI เข้ามาช่วยยกระดับประสิทธิภาพการทำงาน ลดต้นทุน และเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน รวมถึงอนาคตต้องขับเคลื่อนด้วยการขยายตลาดต่างประเทศ และการใช้ R&D พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค ซึ่งเมื่อเรามีทั้งความแข็งแรงจากภายในและกลยุทธ์เชิงรุกภายนอก ก็จะพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง และเปลี่ยนแปลงความเสี่ยงให้เป็นโอกาสในการเติบโตต่อไป” สนั่น กล่าวทิ้งท้าย