CEO หญิงเก่ง “กุลพรภัสร์” ยกระดับรถเมล์ไทยสู่ Data-Driven Company

08 พ.ค. 2568 | 10:20 น.
อัปเดตล่าสุด :08 พ.ค. 2568 | 10:35 น.

CEO หญิงเก่งไทย สมายล์ บัส “กุลพรภัสร์” ยกระดับรถเมล์ไทยสู่ Data-Driven Company มองทิศทางธุรกิจและโอกาสในเส้นทางปีที่ 4 ด้วยการทุ่มทุน สร้าง Transit Smart Hub ท่ามกลางปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน

 

เชื่อว่านักธุรกิจหลายคนคงนิยามปี 2025 ว่าเป็นปีที่ท้าทายฝีมือการทำธุรกิจเป็นอย่างมาก ด้วยการมาถึงของยุค AI ความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม ปัญหากำลังซื้อ ไปจนถึงสงครามการค้าระหว่างประเทศ แต่ในประเทศเราเองยังมีนักธุรกิจหญิง

ที่ทุ่มทุนกับธุรกิจปราบเซียนในภาคขนส่งมวลชนอย่าง “รถเมล์” ที่นำเทคโนโลยีมา “ยกระดับ” ธุรกิจดั้งเดิมได้อย่างน่าสนใจ เพื่อการก้าวกระโดดในปีที่ 4 กับการเป็นรถเมล์ไฟฟ้าสีน้ำเงินของคนไทย

“ฐานเศรษฐกิจ” ได้โอกาสสัมภาษณ์พิเศษ “คุณกิ๊ก-กุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด ถึงทิศทางธุรกิจและโอกาสในเส้นทางปีที่ 4 ซึ่งกำลังยกระดับรถเมล์ของคนไทยไปอีกขั้นด้วยการทุ่มทุน สร้าง Transit Smart Hub ท่ามกลางปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน

“คุณกุลพรภัสร์” เล่าให้ฟังว่า ในยุคที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI กำลังก้าวเข้ามาเป็นฟันเฟืองหลักของโลกธุรกิจ แต่ธุรกิจดั้งเดิมอย่างรถเมล์ ที่หลายคนมักมองข้าม ต้องให้บริการคนจำนวนมาก ปัญหาเยอะ แต่กำไรน้อย จะให้เปลี่ยนแปลงอะไรก็ยาก เพราะมีหลายปัจจัย ทั้งบุคลากรในตลาดน้อย หรือการลงทุนครั้งหนึ่งต้องใช้เงินไม่น้อย

ดังนั้นตัวพี่เลยพูดคุยกับทีมผู้บริหารว่าเราต้องกลับมาตั้งต้นกันก่อนว่า ความตั้งใจของ TSB คืออะไร? แม้จะเป็นบริษัทเอกชน แต่ตัวพี่เข้ามาทำธุรกิจรถเมล์เพราะต้องการให้คนไทยมีรถเมล์ดี ๆ ใช้กันเหมือนเวลาไปเมืองนอก รถเมล์ใหม่ๆ สะอาด ปลอดภัย ไม่ปล่อยมลพิษให้ลูกหลานเราต้องมาสูดดม ยิ่งตัวพี่เองเคยเป็นมนุษย์เงินเดือนมาก่อน จึงเข้าใจความรู้สึกว่าขนส่งสาธารณะมันสำคัญแค่ไหน คุณภาพดี-พึ่งพาได้-ราคาเหมาะสม

 

อย่างไรก็ตามไม่มีใครจะนำเงินมาเผาไปตลอดได้ เมื่อเงินทุนหมดไป รถเมล์ดีๆ ของคนไทยต้องล้มไปด้วย แบบนั้นคงไม่ถูกต้อง TSB จึงต้องพัฒนาให้ธุรกิจ “ไทย สมายล์ บัส” สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง จะทำอย่างไรให้บริษัทรถเมล์อยู่รอดได้อย่างยั่งยืน

ธุรกิจ “ไทย สมายล์ บัส”

ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา TSB ได้คัดเลือกผู้บริหาร ทีมงานเก่ง ๆ เข้ามาช่วยกันปลุกปั้น จนเราพบคำตอบของปัญหาว่า ธุรกิจรถเมล์ที่ผ่านมา อาศัย “ความเชื่อ หรือความรู้สึก” พึ่งพานายท่าเป็นคนตัดสินใจ ตอนเช้าผู้โดยสารก็คงขึ้นรถตอนประมาณนี้แหละ ตอนค่ำคงกลับบ้านกันประมาณช่วงนี้

ซึ่งในเชิงการบริหารธุรกิจมันไม่ได้ เราต้องเปลี่ยนความรู้สึกออก แล้วใช้การตัดสินใจจาก “ข้อมูล+เทคโนโลยี” เข้ามาช่วยลดข้อผิดพลาด ตอบโจทย์ผู้โดยสารมากที่สุด ในต้นทุนเหมาะสมที่สุด แม้หลายครั้งต้องลงทุนสูงในครั้งแรก แต่ระยะยาวคุ้มค่า เราก็ต้องยอมแลกจึงเกิดมาเป็น Transit Smart Hub ที่แถลงข่าวไปก่อนหน้านี้

เมื่อเรามีศูนย์กลางระบบขนส่งมวลชนอัจฉริยะ ที่ใช้ข้อมูล Data นำมาวิเคราะห์ว่า สาเหตุแท้จริงของปัญหา (Root Cause) อยู่ตรงไหน ? เช่น ผู้โดยสารมีพฤติกรรมการใช้บริการขึ้นรถที่ ป้าย A ในช่วงเวลา 05.30 น. เพื่อเดินทางไปตลาด แล้วจะใช้บริการขากลับอีกครั้งในช่วง 07.00 น. เราก็จะจัดรถขาไป-ขากลับให้มีเวลาพอเหมาะกับผู้โดยสารเดินทางได้สะดวก

คุณกิ๊ก-กุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด กับหมุดหมายการพัฒนาไทยสมายล์บัส

อีกกรณีการเดินทางช่วงเย็นที่จราจรติดสาหัสมาก ๆ ผู้โดยสารบอกว่า รอรถนาน ขาดระยะ แต่เมื่อดูในระบบเราปล่อยรถไปหลายสิบคัน ระบบหลังบ้านของเราที่มีเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะตรวจจับสัญญาณ GPS แล้วแสดงผลว่า รถเราไปกองสะสมกันที่แยกใด จุดไหนบนท้องถนน จากนั้นเมื่อเรานำข้อมูลการใช้งานจริง มาแก้ปัญหาจากการฟังเสียงของผู้ใช้บริการ เราก็จะปรับปรุงได้ตรงจุด ต้นทุนของการบริการก็จะไม่สูญเปล่า ธุรกิจก็อยู่ได้อย่างมั่นคง

กระทั่งบัตรโดยสาร HOP Card ของบริษัทเราก็นำข้อมูลมาดูว่า ผู้โดยสารของเราขึ้นลง เดินทางบ่อย หากจ่ายเป็นรอบๆ วันนึงคงต้องจ่ายหลายร้อย จึงเกิดเป็น Daily Max Fare เดินทางได้ไม่อั้น ไม่จำกัดเที่ยว จ่ายเบาๆ ไม่เกิน 40 บาท

แม้กำไรของบริษัทบางส่วนจะได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่ย้อนกลับไปถึงความตั้งใจของ TSB คือ การมีรถเมล์ที่มีคุณภาพให้คนไทยได้ใช้บริการ ดังนั้น เราจึงเชื่อว่าเมื่อผู้โดยสารได้รับสิ่งที่คุ้มค่า ช่วยให้ภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตของเขาเบาลง และบริษัทก็อยู่ได้ นั่นถึงเป็นการเติบโตอย่างยั่งยืนได้แท้จริง

อย่างไรก็ตาม หากแค่นำเทคโนโลยีมาจับ เอาข้อมูลมาแก้แล้วจบได้เลยก็คงจะดี แต่การทำธุรกิจขนส่งมวลชนฯ ชีวิตจริงไม่ง่ายแบบนั้น บริการขนส่งสาธารณะ เราอยู่บนท้องถนน เราให้บริการผู้คนหลายแสนคนต่อวัน

 

ดังนั้น TSB ใช้เวลาปีแรกจัดสรรเส้นทาง ประกอบรถเมล์ไฟฟ้า จากฝีมือคนไทยออกมาให้บริการ ปีที่สองเราเปลี่ยนแปลงรถเมล์ NGV สู่การเป็น EV 100% ปีที่สามเราเป็นบริษัทแรกในโลกที่ขายคาร์บอนเครดิตข้ามประเทศได้สำเร็จ และวันนี้เราเดินทางเข้าสู่ปีที่ 4 เรากำลังขยับสู่การเป็น Data-Driven Company นับเป็นครั้งแรกที่เราจะทำให้บริษัทรถเมล์สู่บริเทคโนโลยีเต็มรูปแบบ

“เมื่อหมุดหมายของเราปักไว้ชัดว่า เราจะยกระดับรถเมล์ของคนไทย ให้กลายเป็นบริษัทเทคโนโลยี ช่วงวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา เราจึงได้เปิดตัวห้องปฎิบัติการณ์ที่จะเป็นศูนย์ควบคุมการเดินรถ-เรือครบวงจร เทียบให้เห็นภาพคือ รถเมล์ไฟฟ้าจะมีศูนย์ควบคุมอัจฉริยะ เหมือนกับหอบังคับการบินแห่งแรกของประเทศไทย ซึ่งระบบหลังบ้านได้ผสานเข้ากับ Fleet Management ที่มีเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) คอยมอนิเตอร์ข้อมูลตลอด 24 ชม. ให้สามารถตรวจสอบและบริหารจัดการคุณภาพการให้บริการได้แบบเรียลไทม์”

CEO หญิงกุลพรภัสร์ อธิบายไว้อย่างน่าสนใจว่า ใครจะคิดว่าธุรกิจรถเมล์ที่กำไรน้อย จะมีหอบังคับการเหมือนกับอุตสาหกรรมการบินได้ ห้องที่มีจอพาโนรามิกขนาดใหญ่ พร้อมเจ้าหน้าที่ Mass Transit Control คอยบริหารการเดินรถ ดูแลความปลอดภัยของผู้โดยสาร

วันนี้ TSB ทำให้เกิดขึ้นจริงได้แล้ว เหมือนกับหลายครั้งที่เราเป็น “ผู้นำ” นำร่องเปลี่ยนผ่านสู่รถเมล์พลังงานไฟฟ้าลดการปล่อยมลพิษ นำร่องปรับสูตรการคำนวณค่าโดยสารเพื่อให้ผู้บริโภคได้ประโยชน์สูงสุด และเราจะไม่หยุดพัฒนาเพื่อ “ยกระดับรถเมล์ของคนไทย” ให้ทัดเทียมระดับสากล