“การเติบโตกับรถ BMW ตั้งแต่เด็กจนกลายมาเป็นความคุ้นชินและหลงรักในแบรนด์”คำกล่าวที่ คุณมาย “โมนิกา พิพัฒน์อนันต์กุล” ทายาทรุ่นที่ 2 ของบีเอ็มดับเบิลยู ยุโรปามอเตอร์ (BMW Europa Motor) ผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ของ BMW Thailand ในตำแหน่ง ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด แม่ทัพใหญ่ขององค์กร
ถ่ายทอดวิธีคิดและการบริหารองค์กร ผ่าน “คอลัมน์ซีอีโอโฟกัส” ว่า ได้เติบโตมาในครอบครัวที่ขาย BMW ตั้งแต่แรกเริ่มและในวัยเด็กด้วยความที่โรงเรียนห่างจากบ้านค่อนข้างมากทำให้ต้องใช้ชีวิตบนรถเป็นหลักนอนบนรถ ทานข้าวบนรถจึงทำให้มีความผูกพันกับแบรนด์ BMW ตั้งแต่ยังเด็กเรียกได้ว่าเป็นเด็กที่เติบโตบนรถ BMW ก็ว่าได้
จากความคุ้นชินกลายเป็นความผูกพัน รู้สึกสนิทกับแบรนด์ BMW ไปด้วยโดยไม่รู้ตัวทำให้ BMW สำหรับ เธอเป็นมากกว่ารถเหมือนเพื่อนคู่ใจที่รู้สึกปลอดภัยทุกๆครั้งในการเดินทางเมื่อแบรนด์เริ่มกลมกลืนกับความคิดและกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ดังนั้นจึงไม่เคยเห็นภาพตัวเองที่จะทำงานที่อื่น นอกจาก BMW ปัจจุบัน ได้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายขายที่ “BMW Europa Motor” มาเป็นเวลา 13 ปี จากที่ผ่านมา บริษัท ยุโรปา มอเตอร์ จำกัด เปิดทำการมา 40 ปีตั้งแต่ปี 1983 เราเป็นผู้แทนจำหน่าย BMW เจ้าแรกของไทยที่ได้ BMW ประเทศไทย
ปัจจุบัน มี 4 สาขา ได้แก่ สาขาจรัญสนิทวงศ์ สาขาพระราม 2 สาขาราชพฤกษ์ และสาขาตลิ่งชัน โดยเริ่มต้นตั้งแต่คุณพ่อ คุณแม่อยู่ในแวดวงรถยนต์มาตั้งแต่แรกเริ่มและมีPassion กับBMW ในส่วนของคุณพ่อคุณแม่จึงผันตัวมาเป็นผู้แทนจำหน่ายรถแบรนด์ดังกล่าว คุณมายอธิบายว่า จากรุ่นคุณพ่อคุณแม่สู่รุ่นลูก มายจะเป็น เจเนอเรชั่น หรือ Gen ที่ 2
แผนในอนาคต จะเติบโตเป็นรถไฟฟ้าหรือ EV 3-5 ปี รองรับรถไฟฟ้าทุกโมเดลกว่า 40 โมเดลด้วยกัน ที่จะเป็นรถไฟฟ้า 100% โดยวิชั่น ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทจนถึงปัจจุบัน ที่ยังไม่เคยเปลี่ยนคือ “Provide Mobility Solution” ที่เรียกง่ายๆว่า การให้บริการครบวงจรในเรื่องของรถยนต์ทั้งหมด เป้าหมาย ในอนาคตแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน
ส่วนแรก เป็นส่วนของ Hardware มีโครงการที่จะขยายธุรกิจ เพิ่มการลงทุน Infrastructure เพื่อรองรับรถ EV ในอนาคต ภายในปี 2030 BMW ทุกรุ่นจะกลายเป็นรถไฟฟ้า 100% เกือบทั้งหมด ส่วนที่สอง ในส่วนของ Software ปรับรูปแบบการทำงานสู่ Digitalization, เพิ่มการอบรมให้กับพนักงานเรื่องของรถ EV, และ Educate Mindset ให้สอดคล้องกับโลกอนาคต
การวางแผน คือการเติบโตยอดขายจะมีการเติบโตทุกปีให้รับกับตลาด โดยวิธีคิดการทำงานให้ประสบความสำเร็จใน Gen ของเรา คือหลักในการทำงานเมื่อ รับช่วงต่อมาจากคุณพ่อคุณแม่โดยมาก ชาเลนจ์ จะเป็นเรื่องการบริหารคนเป็นหลักเนื่องจากตัวเราต้องทำงานกับคนสองใน Gen ตั้งแต่ Gen รุ่นคุณพ่อคุณแม่และ Gen คนรุ่นใหม่ๆเกิดขึ้นมาและต่อๆ ไปจะยิ่งมีน้อง Gen วัยรุ่นเพิ่มมาเรื่อยๆ
จึงถือหลักในการทำงาน “2 รู้ 1 รัก” โดย
“รู้ที่ 1” คือ รู้จักตัวเอง รู้จัก Passion ของเรา ที่ถามตัวเองว่า Passion ของเราใหญ่เบอร์ไหนมันมากพอใช่หรือไม่ ที่จะนำพา องค์กร ประคอง ทุกคนไปที่ในที่หนึ่งที่เขาฝากความหวังไว้กับเรากว่า 300 ชีวิต
“รู้ที่ 2” คือ รู้จักคนอื่น ฟังให้มาก การฟังมากจะรู้จักทั้งความคิด รู้จักถึงความรู้สึกความเข้าใจคนรอบข้างของเราทั้งหมดทีมงานหรือแม้กระทั้งลูกค้าของเราก็ตามสุดท้ายก็คือ
“รัก” หมายถึงเลือกในสิ่งที่ดีให้ทีมก่อนเสมอ ดังนั้นเราทำงาน ด้วยหัวใจจะเป็น “2 รู้ 1 รัก” ในการทำงานขับเคลื่อนให้องค์กรเราเติบโต
ที่ผ่านมาได้ซึมซับ ความรู้ การทำงาน มาจากคุณพ่อ ดังนั้น คุณมาย มองว่า โรลโมเดล จะเป็นคนใกล้ตัวที่สุดคือคุณพ่อ โดยจะสอนทั้งวิธีการทำงานและทัศนคติทางความคิดทางการปกครอง ที่ต้องรับช่วงต่อจากครอบครัว และได้นำความรู้จากการศึกษา เก็บเกี่ยวประสบการณ์มา พัฒนาองค์กร หลังสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี หลักสูตร BBA (นานาชาติ) คณะบัญชี จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยไปทำงาน
หาประสบการณ์ที่บริษัท ไพร์ซ วอเตอร์ เฮาส์ อยู่ 1 ปีก่อนเข้ามาทำงานที่บีเอ็มดับเบิลยู ยุโรปามอเตอร์ โดยเข้ามาเป็นพนักงานขาย และทำโปรเจ็กต์ต่างๆ โดยเรียนงานจากพี่ๆ ทีมงานอยู่ 3 ปีถึงมาเป็นผู้บริหารฝ่ายขายอย่างเต็มตัว จากการทำงานก็ได้เก็บรายละเอียดและช่องโหว่การทำงาน ทำให้เกิดแนวคิดว่า ถ้าเราจะเป็นธุรกิจครอบครัวที่แข็งแรง จะต้องผันตัวเองไปสู่ระบบสากลมากยิ่งขึ้น จึงนำระบบคอมพิวเตอร์ระบบเทคโนโลยีต่างๆ มาช่วยสนับสนุนการทำงานและทีมงาน พร้อมกันนี้ก็พยายามปิดช่องว่างระหว่างวัยของคนในองค์กร
คุณมาย มองโลกอนาคต ของธุรกิจนี้ ว่าต้องเข้าสู่ดิจิทัลไลน์สเตชั่น AI ต่างๆ ทำให้อยากทราบดาต้า ซึ่งเชื่อว่าการทำงานไม่ได้อยู่บนความสามารถของคน แต่ต้องอยู่ความครบถ้วนของดาต้า ข้อมูลที่มีมันต้องพาวเวอร์ฟูล เพียงพอ ดังนั้นต้องการพัฒนาธุรกิจที่เป็นแฟมิลี่ บิสสิเนส ให้กลายเป็นสากล ข้อมูลต้องครอบคลุม ทันสมัยมากขึ้น
ส่วนความสนใจที่เข้ามาเรียนหลักสูตร “WOW” คือเมื่อเราทำงานมาระยะหนึ่งด้วยความที่ที่บ้านเป็นแฟมิลี่ บิสสิเนส ดังนั้นพอทำมาเป็นระยะเวลาสิบกว่าปีแล้ว จะพบเจอกับผู้คนที่อยู่ในแวดวงรถยนต์อย่างเดียวและรู้สึกว่า ปัจจุบันโลกมันก้าวเร็วและเปลี่ยนแปลงเร็วมากก็เริ่มอยากรู้แล้วว่าในธุรกิจและอุตสาหกรรมอื่นเขามีแนวคิดอย่างไรบ้างเลยเห็นหลักสูตร WOW ก็เลยคิดว่าเป็นโอกาสทีดีที่ จะได้มาพบเจอคนหลากหลายใช้งานในธุรกิจและก็เป็นระดับซีอีโอในสายธุรกิจแต่ละธุรกิจทำให้เรามีไอเดียเพิ่มเติมว่า คนนี้เขาคิดยังไวไปถึงไหนเปิดโลกทัศน์ ให้กว้างขึ้นแล้ว ถือโอกาสได้มารู้จัก ทีมงานเนชั่นทุกๆ ท่านด้วย
นี่คือหญิงแกร่ง คุนรุ่นใหม่ที่ เติบโต บนถนนสายรถยนต์ และเป็นหนึ่งเดียว ใน “BMW Europa Motor” ที่น่าจับตายิ่ง!!!
หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,946 วันที่ 7 - 9 ธันวาคม พ.ศ. 2566