ทาบ “TATA-Mahindra” 2 บิ๊กค่ายรถอินเดีย ใช้ไทยเป็นฐานผลิตเจาะตลาดอาเซียน

28 ม.ค. 2567 | 07:54 น.

"นลินี ทวีสิน" ผู้แทนการค้าไทย ลุยเจรจาบิ๊กเอกชนอินเดียชวนเข้ามาลงทุนใน EEC ทาบทามผู้บริหาร TATA เข้ามาตั้งฐานการผลิตรถยนต์ EV และแบตเตอรี่ในไทย เพื่อส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ ในอาเซียน ส่วน Mahindra เจ้าตลาดแทรกเตอร์สนใจทำตลาดก่อน ค่อยพิจารณาตั้งโรงงานผลิต

 

นางนลินี ทวีสิน ผู้แทนการค้าไทย เปิดเผยวานนี้ (27 ม.ค.) ว่า ได้ร่วมกับกงสุลใหญ่ ณ เมืองมุมไบ (นายดนย์วิศว์ พูลสวัสดิ์) และทีมประเทศไทยในเมืองมุมไบ หารือกับผู้บริหารระดับสูงของ บริษัท TATA และ บริษัท Mahindra ซึ่งเป็น เอกชนรายใหญ่ของอินเดีย โดย TATA เป็นบริษัทชั้นนำของอินเดียในภาคส่วนของยานยนต์และเหล็ก มีมูลค่าตลาด (Market Capitalization) รวมกว่า 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ราว 10.7 ล้านล้านบาท ซึ่งในระหว่างการหารือกันนี้ ทางไทยได้เชิญชวนให้ฝ่าย TATA เข้ามาจัดตั้งฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และแบตเตอรี่ในพื้นที่ EEC โดยใช้ไทยเป็นฐานในการส่งออกไปยังประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน ชูจุดเด่นด้านทักษะแรงงาน สถานที่ตั้ง และสิทธิพิเศษด้านการลงทุน

ส่วนการหารือกับผู้บริหารบริษัท Mahindra ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ การให้บริการด้าน IT และที่สำคัญคือเป็นบริษัทที่จัดจำหน่ายรถแทรกเตอร์มากที่สุดในโลกในแง่ของจำนวน มีข่าวดีว่า ทางบริษัท Mahindra จะเริ่มนำรถแทรกเตอร์เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยภายในกลางปีนี้ และหากยอดขายเป็นไปตามเป้า ทางบริษัทจะพิจารณาการจัดตั้งโรงงานในไทย เพื่อจัดจำหน่ายในไทย และส่งไปยังประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มมูลค่าการส่งออกของไทย และเป็นการส่งเสริมการจ้างงานในพื้นที่ โดยตนพร้อมจะสนับสนุนและประสานงานในส่วนที่เกี่ยวข้อง

บริษัท Mahindra เป็นเจ้าตลาดแทรกเตอร์ในระดับโลก

นอกจากนี้ นางนลินีและทีม Thailand ยังได้มีโอกาสหารือประธาน IMC Chamber of Commerce and Industry ซึ่งเป็นหอการค้าที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1907 และมีสมาชิกกว่า 5,000 คน โดยได้เสนอให้พัฒนาความร่วมมือระหว่าง IMC Youth และผู้ประกอบการรุ่นใหม่หอการค้า (YEC) เนื่องจากคนรุ่นใหม่ของสองประเทศจะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนและผลักดันความสัมพันธ์ทางการค้าต่อไป

นางนลินี กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนยังได้เชิญชวนให้บริษัทอินเดียใช้ EEC เป็นฐานในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ยาและเวชภัณฑ์เพื่อจำหน่ายในภูมิภาค

ส่วนการหารือกับสมาพันธ์อุตสาหกรรมอินเดีย หรือ Confederation of Indian Industry (CII) นั้น ตนได้เน้นย้ำถึงความสำคัญด้านการเชื่อมโยง โดยเฉพาะโครงการถนนสามฝ่ายอินเดีย-เมียนมา-ไทย ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จจะเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาทางการค้าระหว่างไทยกับอินเดีย โดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่ตะวันออกเฉียงเหนือ

 

ในโอกาสเดียวกันนี้ ยังได้เชิญชวนให้ผู้ประกอบการชาวอินเดีย มาลงทุนในอุตสาหกรรมโรงแรมในประเทศไทย เพื่อตอบสนองต่อการเติบโของนักท่องเที่ยวอินเดียที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยมากขึ้นด้วย