ส่องสินค้าส่งออกรุ่ง-ร่วง ใต้ไฟสงคราม “อิสราเอล” เริ่มกระทบมั่นคงอาหาร

21 ต.ค. 2566 | 08:04 น.

ทูตพาณิชย์วิเคราะห์สินค้ารุ่ง-ร่วงในภาวะสงครามอิสราเอล-ฮามาส อาหาร รถยนต์ เครื่องมือแพทย์ทิศทางแนวโน้มนำเข้าเพิ่ม อัญมณีและเครื่องประดับชะลอตัว เผยการสู้รบยังไม่กระทบการค้า แต่อิสราเอลห่วงความมั่นคงอาหาร ต้นทุนขนส่งพุ่ง

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต. / ทูตพาณิชย์) ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล รายงาน สงครามอิสราเอลกับกล่มฮามาสที่ผ่านมา 2 สัปดาห์ กับผลกระทบการค้าไทย-อิสราเอล ว่า  การขนส่งสินค้าและระบบโลจิสติกส์กระจายสินค้าภายในประเทศของอิสราเอลเวลานี้ล่าช้า และอาจมีปัญหาอุปสรรคมากขึ้นหากสงครามยืดเยื้อและขยายวงกว้าง

ในภาวะปกติ จากข้อมูลสถิติการค้าระหว่างไทยกับอิสราเอล  มีแนวโน้มที่ดีมาก มูลค่าการส่งออกไทยมีอัตราการเติบโตค่อนข้างสูงทุกปี ในปี 2564 มีอัตราขยายตัว ร้อยละ 41 ในปี 2565 ร้อยละ 14 และ ในปี 2566 (ม.ค.-ส.ค.) ร้อยละ 12.62

สำหรับอิสราเอล เป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจเข้มแข็ง ยั่งยืนด้วยเทคโนโลยีก้าวหน้าทันสมัย ดังนั้น หากสงครามยุติได้เร็ว ก็คาดว่าอิสราเอลจะฟื้นฟูเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว

 

  • บริษัท Diplomat ผู้นำเข้าสินค้าอาหารไทย มีข้อกังวลในการขนส่งสินค้าและต้นทุนการขนส่งที่สูงขึ้นเนื่องจากน้ำมันแพงขึ้นในภาวะสงคราม และมีความเห็นว่าจะนำเข้าสินค้าอาหารจากไทยในปริมาณเท่ากับในภาวะปกติ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งสอดคล้องกับรายงานข่าวของกระทรวงเศรษฐกิจว่าปริมาณอาหารพอเพียงใช้บริโภคในประเทศ
  •  ร้านค้าปลีกและซุปเปอร์มาเก็ตในเทลอาวีฟและโซนที่ค่อนข้างปลอดภัยเปิดจำหน่ายตามปกติ ผู้คนไม่ตื่นตระหนกและกักตุนอาหาร อย่างไรก็ตาม ร้านอาหารมีผู้ใช้บริการลดน้อยลงอย่างมาก คาดผู้ใช้บริการอาหาร delivery จำนวนจะเพิ่มมากขึ้น


 

  • ผลกระทบเชิงบวก

ในช่วงสงครามและหลังสงคราม โอกาสของไทยในการส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้นจากภาวะสงครามและการขาดแคลนสินค้า ประเทศไทยอาจมีโอกาสส่งออกสินค้าจำเป็นไปยังอิสราเอลเพิ่มมากขึ้น ได้แก่ ข้าว อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผลไม้กระป๋องและแปรรูป ยางพาราและผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ ผลิตภัณฑ์เภสัชภัณฑ์
สำหรับสินค้าอุตสาหกรรม เช่น รถยนต์และชิ้นส่วนประกอบรถยนต์
ในระยะหลังสงครามน่าจะมีการนำเข้าปกติหรืออาจเพิ่มมากขึ้น แต่การนำเข้าอัญมณีและเครื่องประดับน่าจะลดลง และต้องใช้ระยะเวลานานกว่าจะฟื้นตัว

  •  ผลกระทบเชิงลบ

1) ปัญหาการขนส่งสินค้าไทยไปยังประเทศอิสราเอลอาจจะล่าช้าและราคาค่าขนส่งแพงมากขึ้น จากอยู่ภาวะสงครามยืดเยื้อและขยายวงกว้าง

2) สินค้านำเข้าจากอิสราเอลมายังไทย เช่น เพชร ปุ๋ย เคมีภัณฑ์ เป็นต้น อาจมีปัญหาในการผลิตและการส่งออกจากอิสราเอล

3) แม้ไทยอาจจะส่งออกสินค้าอาหารได้เพิ่มขึ้น แต่การส่งออกสินค้าที่ไม่จำเป็นต่อการดำรงชีพไปตลาดอิสราเอลอาจชะลอลงจากกำลังซื้อของผู้บริโภคชาวอิสราเอลลดลงเนื่องจากภาวะสงคราม เช่น รถยนต์และชิ้นส่วน อัญมณีและเครื่องประดับ

4) นักธุรกิจอิสราเอลอาจชะลอการเดินทางเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในประเทศไทย ในปี 2567 หากสงครามยังไม่ยุติ

การค้าระหว่างไทย-อิสราเอล

• ปัจจุบัน อิสราเอล เป็นคู่ค้าอันดับที่ 40 ของไทย และอันดับ 6 ของไทยในภูมิภาคตะวันออกกลาง

• ในปี 2566 (ม.ค.-ส.ค.) การค้าระหว่างไทย-อิสราเอล มีมูลค่า 856.84 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ขยายตัว ร้อยละ 1.15) โดยไทยส่งออกไปอิสราเอล 545.69 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ขยายตัว ร้อยละ 12.62) และนำเข้าจากอิสราเอล 311.15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ลดลงร้อยละ 14.18)

• ในปี 2565 การค้าระหว่างไทย-อิสราเอล มีมูลค่า 1,401.83 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ขยายตัวร้อยละ 9.96) โดยไทยส่งออกไปอิสราเอล 850.17 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ขยายตัวร้อยละ 2.92) และนำเข้าจากอิสราเอล 551.66 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ขยายตัว ร้อยละ 22.9)

• สินค้าส่งออกสำคัญจากไทยไปอิสราเอล 5 อันดับแรก ได้แก่ รถยนต์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ และข้าว เป็นต้น

• สินค้านำเข้าสำคัญจากอิสราเอล 5 อันดับแรก ได้แก่ เครื่องเพชรพลอยและอัญมณี ปุ๋ย และยากำจัดศัตรูพืชและสัตว์ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า และผัก ผลไม้และของปรุงแต่งที่ทำจากผัก ผลไม้เป็นต้น

แนวทางการรับมือ
• ติดตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจการค้าที่เกี่ยวข้องทุกวัน และวิเคราะห์ผลกระทบ รวมถึง

แนวทางการแก้ไขให้ทันต่อเหตุการณ์
• หารือกับภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด เพื่อรับทราบปัญหา อุปสรรค และแนวทางการแก้ไข

• ศึกษาโอกาสส่งออกสินค้าศักยภาพของไทย เพื่อทดแทนตลาดอิสราเอล หากสงครามยืดเยื้อรุนแรง

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ  ณ กรุงเทลอาวีฟ ยังได้รายสถานการณ์สงครามในอิสราเอล  ฉบับที่ 3 (สถานการณ์ระหว่างวันที่ 13 ต.ค. ถึง 17 ต.ค. 2566) ใจความสำคัญ ระบุว่า การสู้รบยังคงดำเนินต่อไป ทั้งภาคพื้นดินและทางอากาศในการทิ้งระเบิดฐานที่มั่นของกลุ่มฮามาสในกาซาและเลบานอน  ประชาชนยุติชั่วคราวในการชุมนุมประท้วงรัฐบาลเรื่องการปฏิรูประบบตุลาการ มีการบริจาคโลหิต สิ่งของ อาหาร น้ำ ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ลี้ภัย และทหาร ขณะที่ด่าน Rafah ชายแดนอิสราเอล-อียิปต์จะเปิดให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ปาเลสไตน์

ทั้งนี้สถานเอกอัครราชทูตทูต (สอท.) ณ กรุงเทลอาวีฟ อยู่ระหว่างอพยพแรงงานไทยที่ขอกลับประเทศไทย โดยมีเที่ยวบินทุกวัน ๆ ละ 2 เที่ยวบิน ขณะที่ในตอนกลางของประเทศอิสราเอล รวมทั้งในกรุงเทลอาวีฟ ยังคงมีไซเรนเตือนดังเป็นระยะ นับจากสงครามวันแรก มียอดผู้เสียชีวิตของิสราเอลกว่า 1,400 คน และบาดเจ็บกว่า 3,000 คน

สำหรับเศรษฐกิจของประเทศอิสราเอลในภาวะสงครามกระทรวงเศรษฐกิจอิสราเอล รายงานว่า การค้าระหว่างประเทศ การนำเข้า ส่งออกจากอิสราเอลสามารถดำเนินการอย่างปกติ โดยกระทรวงเศรษฐกิจได้คอยดูแลอย่างใกล้ชิดสม่ำเสมอพบว่า ปริมาณอาหารยังเพียงพอกับจำนวนประชาชน  แต่ได้เฝ้าติดตามสถานะของสินค้าคงคลังในระบบเศรษฐกิจ และจัดการสินค้าคงคลังฉุกเฉินเชิงกลยุทธ์เพื่อความมั่นคงของประเทศ

ทั้งนี้คาดว่าในขณะนี้สต็อกอาหารไม่มีปัญหา ไม่มีการขาดแคลนอย่างมีนัยสำคัญ แต่มีการขาดแคลนผักบางชนิดและนมสำหรับการบริโภคเพียงเล็กน้อย เนื่องจากการหยุดการผลิตในภาคใต้

นับตั้งแต่สงครามเริ่มปะทุขึ้น มีการซื้อผลิตภัณฑ์อาหารและการบริโภคโดยทั่วไปเพิ่มขึ้น ซึ่งนำไปสู่ปัญหาด้านโลจิสติกส์สำหรับผู้ค้าปลีกในการเพิ่มสินค้าคงคลังของผลิตภัณฑ์ที่เก็บไว้ในสาขาเองและในการถ่ายโอนจากศูนย์กระจายโลจิสติกส์ไปยังซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งทางกระทรวงกล่าวว่าไม่มีปัญหากับสินค้าคงคลังและปริมาณ

นอกจากนี้ กระทรวงเศรษฐกิจดำเนินการศูนย์การจ้างงานฉุกเฉินเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน

การค้าระหว่างประเทศ ทั้งการนำเข้า-ส่งออกอิสราเอลยังดำเนินไปตามปกติ ผู้แทนฝ่ายเศรษฐกิจใน 50 สถานทูตอิสราเอลทั่วโลกทำงานตามปกติ ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องกับหน่วยงานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศของอิสราเอล ขณะนี้ไม่มีปัญหาพิเศษใด ๆ ด่านทั้งหมดเปิดให้นำเข้าและส่งออกได้ โดยกระทรวงเศรษฐกิจเป็นแกนนำโครงการให้ความช่วยเหลือเพื่อตอบสนองความต้องการของธุรกิจในอิสราเอลและร่วมมือกับทุกหน่วยงานของรัฐบาลที่เกี่ยวข้อง