วันนี้ (วันที่ 2 ธันวาคม 2568) นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท.ได้คาดการณ์การเดินทางท่องเที่ยวช่วงวันหยุดยาวเนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร “วันพ่อแห่งชาติ 2568” ระหว่างวันที่ 5-7 ธันวาคม 2568
โดยคาดว่า จะมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย 2.52 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้หมุนเวียนประมาณ 10,320 ล้านบาท และมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยของสถานพักแรมทั่วประเทศอยู่ที่ 68 % ซึ่งเป็นแนวโน้มการเดินทางท่องเที่ยวที่ดี
เนื่องจากเป็นวันหยุดยาวต่อเนื่องและสภาพอากาศที่เย็นลง ซึ่งปีนี้มาไวกว่าปีที่ผ่านมา ผนวกกับได้รับแรงหนุนจากมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ อาทิ “เที่ยวดี มีคืน” และ “คนละครึ่ง พลัส” ช่วยกระตุ้นให้เกิดการเดินทางภายในประเทศและการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แบ่งเป็นอัตราการเข้าพักเฉลี่ยที่เกิดจากนักท่องเที่ยวชาวไทยประมาณ 42 % ดังนี้
ภูมิภาคที่มีจานวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยเดินทางเข้ามากที่สุด 3 อันดับแรก คือ ภาคกลาง 612,700 คน-ครั้ง รองลงมาคือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 526,800 คน-ครั้ง และภาคตะวันออก 516,500 คน-ครั้ง
ภูมิภาคที่มีรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ ภาคตะวันออก 2,720 ล้านบาท รองลงมาคือ ภาคเหนือ 1,960 ล้านบาท และภาคกลาง 1,600 ล้านบาท
จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมในช่วงวันหยุดนี้
5 อันดับเมืองหลักที่มีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยเดินทางเข้าพื้นที่มากที่สุด
พฤติกรรมการเดินทางในช่วงวันหยุด จะเป็นการเดินทางระยะใกล้ เพื่อพาครอบครัวไปท่องเที่ยวพักผ่อน รับประทานอาหาร และไหว้พระทำบุญเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9
สอดคล้องกับ ข้อมูลผลการสำรวจแผนการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยในไตรมาส 4/2568 ของสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พบว่า คนไทย 56 % มีแผนเดินทางท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดเนื่องในวันพ่อแห่งชาติ ปี 2568 ส่วนใหญ่เลือกที่จะเดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดตัวเองและจังหวัดใกล้เคียงมากกว่าการเดินทางข้ามภูมิภาค
โดยเป็นการเที่ยวจังหวัดตัวเอง 23 % ไปจังหวัดใกล้เคียงแต่ไม่พักค้าง 25 % และมีการพักค้างคืน 5 % ขณะที่เดินทางข้ามภาคมีเพียง 3 % ขณะที่ทางด้านผู้ประกอบการคาดว่าธุรกิจร้านอาหารและที่พัก มีแนวโน้มได้รับผลดีที่สุด
ปัจจัยสนับสนุน
1.มาตรการส่งเสริมจากภาครัฐ: รัฐบาลได้ออกมาตรการสนับสนุน อาทิ มาตรการภาษี “เที่ยวดี มีคืน” ซึ่งอนุญาตให้นำค่าที่พักและค่าอาหารสำหรับบุคคลธรรมดา หรือค่าใช้จ่ายในการอบรมสัมมนาสำหรับนิติบุคคล มาหักลดหย่อนภาษีได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด รวมถึงโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ซึ่งคาดว่าเป็นอีกแรงหนุนที่ช่วยลดภาระค่าครองชีพและกระตุ้นการใช้จ่ายในแหล่งท่องเที่ยวได้เพิ่มขึ้น มาตรการเหล่านี้ช่วยกระตุ้นให้บรรยากาศการเดินทางกลับมาคึกคัก ทั้งในเมืองหลักและเมืองน่าเที่ยว
2.การจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว: มีการจัดกิจกรรมที่หลากหลายโดย ททท. และพันธมิตร รวมถึงหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางเข้าร่วมกิจกรรมตามความสนใจ ตัวอย่างงานที่น่าสนใจ ได้แก่ Vijit Chao Phraya 2025 (9 พ.ย.-23 ธ.ค.68), Night At The Museum Festival 2025 (4-28 ธ.ค.68), งานสัปดาห์สะพานข้ามแม่น้ำแคว (27 พ.ย.- 7 ธ.ค.68) และงาน BIG MOUNTAIN MUSIC FESTIVAL 15 ที่จังหวัดนครราชสีมา (6-7 ธ.ค.68)
3.สภาพอากาศเย็นลง: คาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวจะเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมากขึ้น เพื่อสัมผัสลมหนาว ชื่นชมธรรมชาติ และทะเลหมอกตามยอดดอยหรือยอดภู ข้อมูลจาก Google Trends (ช่วงวันที่ 15-27 พ.ย.68) สะท้อนความสนใจที่เพิ่มขึ้นในการค้นหาสถานที่เที่ยวหน้าหนาว เช่น แม่กำปอง ภูเรือ ดอยช้าง ดอยอินทนนท์ และเชียงคาน
4.การท่องเที่ยวทางรถไฟ: มีการจัดขบวนรถนำเที่ยวพิเศษในช่วงวันหยุด เช่น ขบวนรถ Royal Blossom ไปยังเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ (6 และ 7 ธ.ค.68), ขบวนรถ KIHA 183 เที่ยวงานสะพานข้ามแม่น้ำแคว (6-7 ธ.ค.68) และขบวนหัวรถจักรไอน้ำประวัติศาสตร์ในโอกาสวันพ่อแห่งชาติ ในเส้นทาง กรุงเทพ–ชุมทางฉะเชิงเทรา–กรุงเทพ(5 ธ.ค.68)
ปัจจัยอุปสรรค
1.ค่าครองชีพและหนี้ครัวเรือนสูง: ค่าครองชีพและหนี้ครัวเรือนยังคงอยู่ในระดับสูง ประกอบกับความกังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจและความไม่มั่นคงทางรายได้ ทำให้คนไทยยังคงระมัดระวังและใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น ข้อมูลจากศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย พบว่าดัชนีความเหมาะสมในการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวยังอยู่ในระดับต่ำ (73.0 % ในเดือน ต.ค. 2568)
2.การเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ: เดือนธันวาคมเป็นช่วงที่คนไทยนิยมเดินทางไปต่างประเทศเพื่อใช้วันลาพักร้อนที่ใกล้สิ้นปี โดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงาน การแข็งค่าของเงินบาทในปีนี้คาดว่าจะกระตุ้นให้คนไทยเดินทางออกนอกประเทศเพิ่มขึ้น โดยส่วนใหญ่นิยมไปเที่ยวภูมิภาคเอเชียตะวันออก ในปี 2567 สถิติพบว่ามีคนไทยเดินทางออกนอกราชอาณาจักรในช่วงวันหยุดนี้เฉลี่ยวันละ 48,400 คน และคาดว่าในปีนี้น่าจะมีคนไทยเดินทางออกเพิ่มขึ้น
เนื่องจากการแข็งค่าของเงินบาท โดยส่วนใหญ่นิยมท่องเที่ยวในประเทศภูมิภาคเอเชียตะวันออก เช่น เวียดนาม จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ไต้หวัน และมาเลเซีย (แผนการเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ ไตรมาส 4/2568, สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย)
3.ผลกระทบจากอุทกภัยในภาคใต้ ทำให้พื้นที่ท่องเที่ยวภาคใต้ตอนล่างหลายจังหวัดได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะอำเภอหาดใหญ่ จ.สงขลา และต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูหลังน้ำลดของโรงแรมที่พักและแหล่งท่องเที่ยว ผนวกกับสภาพอากาศยังมีความแปรปรวน มีฝนตกเป็นช่วงๆ ส่งผลให้การเดินทางท่องเที่ยวภาคใต้ในช่วงวันหยุดนี้ชะลอตัวลง