ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ชี้แจงกรณีที่มีรายงานในสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับเหตุการณ์ นักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลถูกจับกุมหลังตรวจพบเครื่องกระสุนปืนในกระเป๋าสัมภาระ ที่ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2568
โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่าผู้โดยสารรายดังกล่าวเคยเดินทางเข้าประเทศผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2568 ว่า สัมภาระผ่านการตรวจสอบได้อย่างไร
ทสภ. ระบุว่า จากการตรวจสอบพบว่า ผู้โดยสารชาวอิสราเอลรายนี้ได้เดินทางเข้าประเทศไทยเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2568 และได้ต่อเครื่องไปยังจังหวัดภูเก็ตในวันเดียวกัน ก่อนท่องเที่ยวในหลายพื้นที่ เช่น เกาะพีพี และภูเก็ต จนกระทั่งเกิดเหตุเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นเวลาหลังจากเดินทางเข้าประเทศมากกว่าหนึ่งสัปดาห์
ในการตรวจสอบย้อนหลังพบว่า ขณะผู้โดยสารเดินทางออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไปยังท่าอากาศยานภูเก็ตนั้น สัมภาระของผู้โดยสารได้ผ่านการตรวจค้นด้วย ระบบตรวจสอบวัตถุระเบิด (Explosive Detection System: EDS) ซึ่งไม่พบสารระเบิดหรือวัตถุต้องสงสัย จึงผ่านขั้นตอนการตรวจตามปกติ
หากระบบตรวจพบสิ่งต้องสงสัย จะมีการแจ้งเตือนและนำสัมภาระออกมาตรวจซ้ำโดยเจ้าหน้าที่ทันที
ทสภ. ยืนยันว่า ให้ความสำคัญสูงสุดกับมาตรการรักษาความปลอดภัยของผู้โดยสารและอากาศยาน โดยใช้ ระบบตรวจสอบสัมภาระใต้ท้องเครื่อง (Hold Baggage Screening System) ตามมาตรฐานของหน่วยงานความปลอดภัยด้านการขนส่งของสหรัฐฯ (TSA) และองค์การการบินพลเรือนยุโรป (ECAC) ซึ่งได้รับการรับรองจาก สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) และผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานภายในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
ทสภ. ระบุเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่สนามบินภูเก็ตนั้น เป็นเหตุหลังจากนักท่องเที่ยวรายดังกล่าวได้ท่องเที่ยวในประเทศไทยหลายวันแล้ว ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการสืบสวนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดย ทสภ. ยังคงดำเนินมาตรการด้านความปลอดภัยตามมาตรฐานสากลอย่างเข้มงวด เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้โดยสารและอากาศยาน