ทูตอิสราเอลพบผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานี ถกปมตรวจเข้มนักท่องเที่ยว

04 พ.ย. 2568 | 09:21 น.
อัปเดตล่าสุด :04 พ.ย. 2568 | 09:36 น.

ผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานีถกทูตอิสราเอล ปมไทยตรวจเข้มนักท่องเที่ยว ผู้ว่าฯ ย้ำจังหวัดพร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยว แต่ต้องบังคับใช้กฎหมายเท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ

KEY

POINTS

  • ทูตอิสราเอลเข้าพบผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานี เพื่อหารือและสร้างความเข้าใจ กรณีเจ้าหน้าที่ตรวจเข้มนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลซึ่งสร้างความไม่สบายใจ
  • ผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานีชี้แจงว่า มาตรการดังกล่าวเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเท่าเทียมกับชาวต่างชาติทุกสัญชาติ เพื่อป้องกันปัญหาการอยู่เกินกำหนด การทำงานผิดกฎหมาย และอาชญากรรม
  • ฝ่ายไทยหยิบยกข้อกังวลของคนในพื้นที่เกาะพะงัน เกี่ยวกับการรวมกลุ่มประกอบศาสนกิจในพื้นที่ปิด และเสนอให้มีช่องทางประสานงานโดยตรงกับสถานทูตฯ เพื่อแก้ปัญหาได้รวดเร็วขึ้น

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 ที่ห้องศรีสุราษฎร์ ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้การต้อนรับ ดร.อโลนา ฟิชเชอร์ คัมม์ เอกอัครราชทูตอิสราเอล ประจำประเทศไทย และ นายเอลี่ เอลิยาฮู สเมห์ อัครราชทูตและกงสุลอิสราเอล ซึ่งเดินทางเข้าพบเพื่อหารือถึงสถานการณ์ของนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลในพื้นที่สุราษฎร์ธานี โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ และคณะทำงานชุดเฉพาะกิจป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดของบุคคลต่างด้าว เข้าร่วมประชุมด้วย 

                              ทูตอิสราเอลพบผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานี ถกปมตรวจเข้มนักท่องเที่ยว

ดร.อโลนา ฟิชเชอร์ คัมม์ เอกอัครราชทูตอิสราเอล กล่าวว่า ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยกว่า 460,000 คนต่อปี โดยเฉพาะในพื้นที่เกาะสมุย และ เกาะพะงัน ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยม เพราะประทับใจในมิตรไมตรีของคนไทย และรู้สึกปลอดภัยในประเทศไทย

การเข้าพบครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อหารือแนวทางสร้างความเข้าใจร่วมกัน หลังจากมีข่าวการตรวจสอบเข้มของเจ้าหน้าที่ไทย ต่อกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอล ซึ่งสร้างความไม่สบายใจให้กับนักท่องเที่ยวบางส่วน โดยเอกอัครราชทูตฯ ยืนยันว่า ชาวอิสราเอลส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวที่ดี และให้ความร่วมมือกับกฎหมายไทยเต็มที่ หากมีบุคคลใดกระทำผิด ก็เห็นสมควรให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมายเช่นเดียวกับชาวต่างชาติทุกประเทศ

ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า หน่วยงานของรัฐในพื้นที่ถูกตั้งคำถามอย่างมากเกี่ยวกับการเข้มงวดตรวจสอบชาวต่างชาติ หลังพบปัญหาหลายด้าน เช่น การอยู่เกินกำหนดอนุญาต (Overstay), การทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต, การแฝงตัวประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย รวมถึงพฤติกรรมที่อาจเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ซึ่งบางกรณีพบมีการต่ออายุวีซ่าหลายครั้งติดต่อกัน จนต้องสงสัยในวัตถุประสงค์การเข้าพัก

ผู้ว่าฯ ยืนยันว่า คณะทำงานชุดเฉพาะกิจฯ มิได้มุ่งเป้าตรวจสอบเฉพาะชาวอิสราเอล หรือประเทศใดเป็นพิเศษ แต่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายอย่างเท่าเทียมกับนักท่องเที่ยวทุกเชื้อชาติ พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ให้ดำเนินงานอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้กระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของจังหวัด ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามนโยบายของรัฐบาล

                   ทูตอิสราเอลพบผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานี ถกปมตรวจเข้มนักท่องเที่ยว

ทั้งนี้ ผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานียังได้หยิบยกกรณีที่ชาวบ้านในพื้นที่เกาะพะงันร้องเรียนว่า มีการรวมตัวของชาวอิสราเอล ประกอบศาสนกิจ “ชาบัท” หรือ “คาบัท” ภายในพื้นที่ปิด โดยไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าร่วม ทำให้เกิดความไม่สบายใจ และสร้างความยากลำบากในการดูแลความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ จึงขอให้สถานเอกอัครราชทูตช่วยตรวจสอบเรื่องการขออนุญาตจัดตั้งศาสนสถานอย่างถูกต้องตามกฎหมายไทย เช่นเดียวกับศาสนาอื่นๆ 

พร้อมกันนี้ ผู้ว่าฯ ยังได้เสนอให้มีช่องทางการประสานงานอย่างไม่เป็นทางการ ระหว่างจังหวัดสุราษฎร์ธานี กับ สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอล เพื่อให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูล แจ้งปัญหา หรือประสานช่วยเหลือกรณีฉุกเฉินได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นายธีรุตม์ กล่าวทิ้งท้ายว่า “จังหวัดสุราษฎร์ธานียินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลด้วยความอบอุ่น แต่หากพบพฤติกรรมที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย ก็จำเป็นต้องดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมอย่างไม่เลือกปฏิบัติ เพื่อให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติและปลอดภัย”