ศึกสายเลือดทายาทดุสิตธานี ประชุมผู้ถือหุ้นวันนี้ ชี้ชะตา 'ชนินทธ์ โทณวณิก'

25 ก.ย. 2568 | 18:00 น.
อัปเดตล่าสุด :26 ก.ย. 2568 | 05:20 น.

ศึกสายเลือดทายาทดุสิตธานี ชิงอาณาจักรหมื่นล้านบาท จับตาประชุมผู้ถือหุ้นวันนี้ ชี้ชะตา 'ชนินทธ์ โทณวณิก' แตกหัก หรือ ประสานรอยร้าวสำเร็จ จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ DUSIT

วันนี้ (26 กันยายน 2568) บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT จัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2568 โดยมีวาระสำคัญใน 2 เรื่องหลัก ได้แก่ 1.พิจารณาอนุมัติถอดถอนนายชนินทธ์ โทณวณิก ออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัทดุสิตธานี และ 2.การอนุมัติเพิ่มจำนวนกรรมการ แต่งตั้งกรรมการใหม่ และการเปลี่ยนแปลงอำนาจกรรมการผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อผูกพันของบริษัทดุสิตธานี

การประชุมครั้งนี้ จึงเป็นการชี้ชะตา 'ชนินทธ์ โทณวณิก' ทายาทคนโตของ “ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย” ว่าจะยังสามารถกุมอำนาจการบริหารงานในดุสิตธานี ต่อไปได้หรือไม่

หลังจากก่อนหน้านี้ 2 น้องสาว คือ นางสินี เธียรประสิทธิ์ (ลูกสาวคนโต) และ นางสุนงค์ สาลีรัฐวิภาค (ลูกสาวคนเล็ก) ได้รวมตัวถอดถอน “ชนินทธ์ โทณวณิก” ออกจากกรรมการ
“บริษัท ชนัตถ์และลูก จำกัด” ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบมจ.ดุสิตธานี ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2568

ทั้งนี้การถอดถอนนายชนินทธ์ ต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นด้วยคะแนนไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุมและมีสิทธิออกเสียง และมีหุ้นนับรวมกันได้ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนหุ้นที่ถือโดยผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียง

ชนินทธ์ โทณวณิก

ดูจากผู้ถือหุ้นของดุสิตธานีจะเห็นว่า“ชนินทธ์ โทณวณิก” มีความสุ่มเสียง เพราะบริษัท ชนัตถ์และลูก จำกัด ซึ่งถือหุ้นใหญ่ในดุสิตธานี 49.47% รวม 422 ล้านหุ้น เมื่อ 2 น้องสาว ในฐานะผู้ถือหุ้นบริษัท ชนัตถ์และลูก จำกัด มีเสียงรวมกันสูงกว่านายชนินทธ์  โดยกลุ่มของนายชนินทธ์ ถือหุ้น 25.4% กลุ่มนางสินี ถือหุ้น 26.57% กลุ่มนางสุนงค์ ถือหุ้น 21.62% และท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย (กองมรดก) ถือหุ้น 24.99%

โครงสร้างผู้ถือหุ้นดุสิตธานี

ขณะที่บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 2 ในบมจ.ดุสิตธานี อยู่ที่ 17.09% ก็เป็นที่น่าจับตาดูถึงสายสัมพันธ์ที่ดีกับ 2 น้องสาว ซึ่งหาก CPN เดินเกมส์งดออกเสียงเหมือนเมื่อครั้งที่ CPN เลือกงดออกเสียงในการประชุมพิจารณางบการเงินดุสิตธานี ปี 2567 ในช่วงเกิดการงัดข้อกันระหว่างพี่น้อง การโหวตครั้งนี้ก็คงเข้าทาง 2 น้องสาวนายชนินทธ์ เพราะผู้ถือหุ้นที่อยู่ฝั่งนายชนินทธ์ อาทิ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ก็เป็นผู้ถือหุ้นส่วนน้อย

รวมถึงในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นวันนี้ทางบริษัท ชนัตถ์และลูก ฝั่ง 2 น้องสาว ยังเสนอให้ผู้ถือหุ้นดุสิตธานี  อนุมัติเพิ่มจำนวนกรรมการ แต่งตั้งกรรมการและกรรมการอิสระ จากปัจจุบันที่มีจำนวนกรรมการ 12 คน เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 18 คน โดยเสนอเลือกตั้งกรรมการแทนผู้ที่พ้นตำแหน่งตามวาระจำนวน 4 คน ได้แก่

  1.  นายกุลิศ สมบัติศิริ (กรรมการอิสระ)  
  2.  นายทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ (กรรมการอิสระ)  
  3. นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย (กรรมการอิสระ)  

(ดร. ปานปรีย์ พหิทธานุกร ซึ่งเดิมได้รับการเสนอชื่อ แต่ล่าสุดได้แจ้งถอนตัวก่อนการเลือกตั้ง)  

เนื่องจากเมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2568 ทาง ดร.ปานปรีย์ พหิทธานุกร ได้มีหนังสือแจ้งมายังบริษัทว่าไม่ประสงค์จะเข้ารับการเลือกตั้งเป็นกรรมการอีกต่อไป เนื่องจากมีภารกิจอื่นที่ต้องรับผิดชอบ เกรงว่าอาจมีผลกระทบต่อการทำหน้าที่ในฐานะกรรมการบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน)

โดยลาออกต่อจากมาดามแป้ง นางนวลพรรณ ล่ำซำ ที่ลาออกจากตำแหน่งกรรมการดุสิตธานีไปก่อนหน้านี้ จนในการประชุมบอร์ดล่าสุดได้แต่งตั้งนายสมประสงค์ บุญยะชัย ดำรงตำแหน่งกรรมการอิสระแทน

รวมถึงยังมีวาระการเสนอเลือกตั้งบุคคลต่อไปนี้ เข้าเป็นกรรมการอีก 5 คน และกรรมการอิสระใหม่อีก 1 คน รวมเป็น 6 คน" ได้แก่

  1. ดร.กฤษดา กวีญาณ เป็น กรรมการ
  2. นายเสข วรรณเมธี เป็น กรรมการ
  3.  นายปัณฑิต มงคลกุล เป็น กรรมการ
  4. นายภูม โอสถานนท์ เป็น กรรมการ
  5. นายศุภศักดิ์ จิรเสวีนุประพันธ์ เป็น กรรมการ
  6. นายพิชัย ดุษฎีกุลชัย เป็น กรรมการอิสระ

เป็นที่น่าสังเกตว่ากรรมการใหม่ที่จะเพิ่มขึ้นมา จำนวน 3 คน โดย 2 คน เป็นตัวแทนจากกลุ่มเซ็นทรัล ส่วนอีกคน ก็เป็นกรรมการในบริษัทที่มีธุรกิจทับซ้อนกันกับดุสิตธานี ทั้งโรงแรมอสังหาริมทรัพย์และมีความเป็นไปได้สูงว่าเป็นกิจการที่อาจมีสภาพอย่างเดียวกันและอาจเป็นการแข่งขันกับกิจการของบริษัทดุสิตธานี และกลุ่มบริษัทดุสิตธานี ประกอบไปด้วย

  • ดร.กฤษดา กวีญาณ  ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม ของบริษัทไอแอมไชน่าทาวน์ จำกัด

ประกอบธุรกิจการเช่าและการดำเนินการเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นของตนเองหรือเช่าจากผู้อื่นเพื่อเป็นที่พักอาศัย และบริษัท อัลทัส แคปปิตอล สยาม แอคควิซิชั่น ทู จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ โดยได้รับค่าตอบแทนหรือตามสัญญาจ้าง 

  • นายปัณฑิต มงคลกุล ดำรงตำแหน่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของบริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด

เป็นกลุ่มบริษัทที่มีการประกอบธุรกิจโรงแรม อสังหาริมทรัพย์ และห้างสรรพสินค้า ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าเป็นกิจการที่อาจมีสภาพอย่างเดียวกันและอาจเป็นการแข่งขันกับกิจการของบริษัทและกลุ่มบริษัท

  • นายภูม โอสถานนท์ ดำรงตำแหน่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมของบริษัท ซีพีเอ็น รีท แมเนจเมนท์ จำกัด

โดยมีบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีการประกอบธุรกิจพัฒนาและให้เช่าพื้นที่ศูนย์การค้าขนาดใหญ่และประกอบธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่องและส่งเสริมธุรกิจพัฒนาศูนย์การค้า เช่น อาคารสำนักงาน ศูนย์อาหาร โรงแรม และที่พักอาศัย เป็นต้น เป็นผู้ถือหุ้น 99 % ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัท ซีพีเอ็น รีท แมเนจเมนท์ จำกัด 

อีกทั้งในทางปฏิบัติ หากผู้ถือหุ้นอันดับ 2 จะส่งบอร์ด 2 คนเข้ามาก็ควรต้องผ่านมติบอร์ดก่อนหรือไม่ กลับใช้เวทีประชุมผู้ถือหุ้นตั้งบอร์ด

ขณะที่ CPN ออกแถลงการณ์ว่า ปัจจุบัน เซ็นทรัลพัฒนาถือหุ้นในดุสิตธานีจำนวน 145,238,320 หุ้น คิดเป็น 17.09 % ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของดุสิตตั้งแต่ปี 2561 ซึ่งที่ผ่านมาเซ็นทรัลพัฒนา เคารพในการบริหารงานของผู้ถือหุ้นใหญ่ และสนับสนุนการดำเนินงานด้วยดีมาโดยตลอด

ดังนั้น เมื่อเซ็นทรัลพัฒนา ได้รับการเสนอให้ส่งตัวแทนเพื่อให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นแต่งตั้งเป็นกรรมการของดุสิตธานี ทางเซ็นทรัลพัฒนา เล็งเห็นว่าจะสามารถใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญเพื่อร่วมสนับสนุนการดำเนินงานของดุสิตธานีให้เติบโตอย่างต่อเนื่องต่อไป 

การเสนอชื่อเพื่อแต่งตั้งกรรมการเป็นไปตามแนวทางการมีส่วนร่วมตามสัดส่วนการถือหุ้นซึ่งถือเป็นแนวปฏิบัติตามปกติ ในการดูแลเงินลงทุน โดยไม่มีอำนาจในการควบคุมในดุสิตแต่อย่างใด

อีกทั้งเซ็นทรัลพัฒนา มีเจตนาอันดีและดำเนินงานภายใต้หลักธรรมภิบาลตามแนวทางของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งรวมถึงการกำกับดูแลเรื่องการจัดการความขัดแย้งทางผลประโยชน์ (Conflict of Interest) 

ดุสิตธานี บริหารงานโดยกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ คือบริษัท ชนัตถ์และลูก จำกัด เซ็นทรัลพัฒนา ขอยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ในการตัดสินใจดำเนินการของ บริษัท ชนัตถ์และลูก จำกัด

นอกจากนี้การประชุมผู้ถือหุ้นดุสิตธานีในครั้งนี้ยังมีวาระเสนอเปลี่ยนแปลงอำนาจกรรมการผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อผูกพันบริษัท จากเดิมคือ "นายชนินทธ์ โทณวณิก , นางสินี เธียรประสิทธิ์ และ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์" ซึ่งกรรมการ 2 ใน 3 คนนี้ลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของบริษัท” เปลี่ยนเป็น" นางสินี เธียรประสิทธิ์ , ดร. กฤษดา กวีญาณ ,นายศุภศักดิ์ จิรเสวีนุประพันธ์" ซึ่งกรรมการ 2 ใน 3 คนนี้ลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของบริษัท

แต่ด้วยความที่นางศุภจี ได้ขอเกษียณอายุจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบมจ.ดุสิตธานี และลาออกจากบอร์ดดุสิตธานีไปตั้งแต่วันที่ 12 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา เพื่อไปนั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  บอร์ดจึงตั้ง นายภควัต โกวิทวัฒนพงศ์ มาเป็นกรรมการแทน และนายชนินทธ์ ซึ่งปัจจุบันรักษาการประธานกรรมการ ต้องมาควบตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มดุสิตธานี (กรุ๊ปซีอีโอ)

แต่ท้ายสุดนายชนินทธ์ จะยังคงมีอำนาจในการบริหารบมจ.ดุสิตธานีต่อไปได้หรือไม่ ทั้งๆที่เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการบริหารดุสิตธานีมาอย่างยาวนาน ก็ต้องจับตาดูผลการประชุมผู้ถือหุ้นในวันนี้ เพราะก่อนหน้านี้นายชนินทธ์ ก็ได้ออกมาส่งสัญญาณ โดยกล่าวถึงปัญหานี้ว่า “จบลงได้ดีไม่ต้องเป็นห่วง พูดคุยแก้ไขปัญหาทุกวัน  เพราะทุกคนอยากจะให้ทุกอย่างออกมาดีให้เชื่อมั่นประเด็นดุสิตธานีจะจบลงด้วยดี   

งานนี้คงต้องจับตาดูว่าทายาททั้ง 2 ฝั่งจะเกิดการตกลงกันได้จริงหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาก็มีการไกล่เกลี่ยกันมาแล้วหลายครั้ง การขัดแย้งกันก็มีแต่เสียหายทั้งตัวทายาทท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุยเอง และภาพลักษณ์ของบริษัท จึงต้องรอดูว่าการประชุมผู้ถือหุ้นที่จะเกิดขึ้น มติผู้ถือหุ้นจะยอมถอย ถอนวาระบีบชนินทธ์พ้นกรรมการและอำนาจกรรมการผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อผูกพันบริษัท

หรือ จะเดินหน้าโหวตต่อตามวาระนี้ นั่นก็มีความเสี่ยงที่นายชนินทธ์ อาจจะไม่มีอำนาจใดๆดุสิตธานีเลย คงเหลือแต่ในฐานะผู้ถือหุ้นเท่านั้น และตำแหน่งซีอีโอดุสิตธานีของนายชนินทธ์เองก็มีสิทธิ์ถูกถอดออกได้ทุกเมื่อเช่นกัน หรือหากยังคงนั่งเป็นซีอีโออยู่ แต่ไม่มีอำนาจกรรมการผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อผูกพันบริษัทแล้วจะทำไรได้ แทบไม่ต่างจากเสือกระดาษ

ทั้งๆที่ นายชนินทธ์ เป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมและสอดคล้องกับธุรกิจหลักของกลุ่มดุสิต เพราะเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์ด้านธุรกิจโรงแรมและอาหารมาอย่างยาวนาน

ทั้งยังเป็นทายาทคนโตของผู้ก่อตั้งโรงแรมดุสิตธานี เป็นผู้ที่ทราบและเข้าใจความเป็นมาของโรงแรมเป็นอย่างดี เป็นบุคคลสัญลักษณ์ของดุสิตธานี และสืบต่อเจตจำนงของท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย ในการรักษาเอกลักษณ์ความเป็นไทยของโรงแรมดุสิตธานีมาจนถึงทุกวันนี้

อีกทั้งมีเครือข่ายในวงการ Hospitality ที่แข็งแกร่ง รวมถึงการริเริ่มโครงการ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ซึ่งนายชนินทธ์ โทณวณิก เป็นผู้ริเริ่มและเป็นผู้นำในการดำเนินการ

รวมถึงแนวคิดและกลยุทธ์ต่างๆ ซึ่งโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค เป็นหนึ่งในโครงการของบริษัทที่คาดว่าจะสร้างรายได้ให้แก่บริษัท เป็นโครงการที่ตั้งใจสร้างขึ้นเพื่อให้ดุสิตมีความทันสมัยแต่ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นไทย เพื่อให้เป็นมรดกตกทอดไปถึงรุ่นลูกหลานของไทย

การถอดถอนนายชนินทธ์ โทณวณิก จะส่งผลกระทบต่อบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) รวมถึงโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค และความเชื่อมั่นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกส่วนที่มีต่อบริษัท

ส่วนเหตุผลการจะปลดนายชนินทธ์  ที่อ้างถึงประเด็นการไม่จ่ายเงินปันผลมาตลอด 5 ปี และตัวเลขขาดทุนสะสมกว่า 1,000 ล้านบาท ที่ปรากฏในงบการเงินนั้น หากไปดูใส้ในจริงๆจะพบว่าผลขาดทุนที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้มาจากความล้มเหลวในการดำเนินธุรกิจโรงแรม

แต่เป็นผลโดยตรงจาก ‘ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย’ ที่เกิดจากการกู้ยืมเงินเพื่อพัฒนาโปรเจกต์ ‘ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค’ มูลค่ากว่า 46,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ของคณะกรรมการเพื่อสร้างตำนานบทใหม่แทนที่โรงแรมดุสิตธานีเดิมที่มีอายุกว่า 50 ปี

หัวใจสำคัญของการพลิกฟื้นสถานะทางการเงินของบริษัท อยู่ที่ความสำเร็จของส่วนโครงการที่พักอาศัย (Dusit Residences) ซึ่งแม้จะต้องเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 ที่ทำให้การก่อสร้างล่าช้าไปเกือบ 2 ปี แต่ดุสิตธานีกลับเป็นโครงการระดับ Luxury เพียงแห่งเดียวที่ยังคงสร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง

ศึกสายเลือดทายาทดุสิตธานี ประชุมผู้ถือหุ้นวันนี้ ชี้ชะตา 'ชนินทธ์ โทณวณิก'

ปัจจุบันขายเรสสิเด้นท์ไปได้กว่า 90% แล้ว รายได้จากส่วนนี้จะใกล้ 17,000 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มรับรู้ปลายปีนี้ และส่วนใหญ่ในปีหน้าและปีถัดไป คาดว่าปีหน้า หนี้สินดุสิตเกือบทั้งหมดก็คงหมด และกำไร การขาดทุนสะสมต่างๆ ก็จะหายไป ทุกอย่างจะเปลี่ยนหมดภายในปีเดียว

ปัจจุบันอาณาจักรดุสิตธานีหมื่นล้านบาท มีถึง 5 สายธุรกิจ จากโรงแรมและวิลล่า 27 แห่งใน 8 ประเทศ ขยายสู่ 297 แห่ง (โรงแรม 57, วิลล่า 240) ใน 18 ประเทศทั่วโลก ภายใต้ 9 แบรนด์ที่แตกต่างกัน

ดังนั้นบทสรุปที่ได้จากการประชุมผู้ถือหุ้นดุสิตธานี จึงไม่ใช่แค่ชี้ชะตานายชนินทธ์เท่านั้น ยังเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของดุสิตธานีอีกด้วย หากเกิดการเปลี่ยนผู้คุมอำนาจในการบริหารใหม่จากนายชนินทธ์มาอยู่ในมือ 2 น้องสาวและกลุ่มตัวแทนจากเซ็นทรัลโดย CPN ในฐานะผู้ถือหุ้นอันดับ 2 และส่งตัวแทนเข้ามานั่งเป็นบอร์ดดุสิตธานี