แรงต้านกาสิโนในสถานบันเทิงครบวงจร ประวัติศาสตร์-สถิติควรรู้

31 ก.ค. 2568 | 09:51 น.
อัปเดตล่าสุด :31 ก.ค. 2568 | 10:14 น.

กว่าจะเกิด “สถานบันเทิงครบวงจร” ทีมีกาสิโนด้วย ในหลายประเทศต้องเจออุปสรรคแบบไหน ยังไง ไม่ง่ายเลย เบื้องหลังความสำเร็จ ประวัติศาสตร์บันทีกเรื่องราวใดไว้ให้โลกจำ

แรงต้าน“กาสิโน” ในสถานบันเทิงครบวงจร ประวัติศาสตร์-สถิติควรรู้
กว่าจะเกิด “สถานบันเทิงครบวงจร” ในหลายประเทศ ต้องเจออุปสรรคแบบไหน ยังไง ไม่ง่ายเลย เบื้องหลังความสำเร็จ ประวัติศาสตร์บันทีกเรื่องราวใดไว้ให้โลกจำ

การเปิด “กาสิโน” ไม่เคยเป็นเรื่องง่ายในหลายประเทศ แม้ในบริบทของ สถานบันเทิงครบวงจร (Integrated Resort – IR) ที่รวมโรงแรม ศูนย์ประชุม ร้านค้า ความบันเทิง และ กาสิโน เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อตอบโจทย์เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน 

หลายรัฐบาลทั่วโลกต้องใช้เวลานับสิบปี ฝ่าแรงต้านจากภาคสังคม ศาสนา กลุ่มต่อต้านการพนัน และฝ่ายค้านในรัฐสภา ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากความกังวลถึงผลกระทบทางสังคมและศีลธรรม

ฐานเศรษฐกิจพาไปสำรวจประวัติศาสตร์ และ สถิติเกี่ยวกับกระแสต่อต้านกาสิโนในหลายประเทศ พร้อมบทเรียนสำคัญที่ช่วยให้กาสิโน ในสถานบันเทิงครบวงจร ประสบความสำเร็จ 

ญี่ปุ่นฝ่าด่านอนุรักษนิยม

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ใช้เวลานานที่สุดแห่งหนึ่ง ในการเปิดกาสิโนอย่างถูกกฎหมาย กระบวนการถกเถียงเริ่มขึ้นตั้งแต่ทศวรรษ 1990 ก่อนจะมีการออกกฎหมาย "Integrated Resort Promotion Act" ในปี 2018 ซึ่งอนุญาตให้สร้างรีสอร์ตกาสิโนในพื้นที่จำกัด

แม้จะเป็นหนึ่งในประเทศของโลก ที่เปิดกว้างด้านเทคโนโลยี แต่กลับค่อนข้างอนุรักษนิยมในเรื่องการพนัน และแม้จะมีปาจิงโกะที่แพร่หลาย แต่ “กาสิโนแบบรีสอร์ต” ถูกห้ามมาโดยตลอด จนกระทั่งปี 2018 (กว่า 20 ปี) รัฐสภาญี่ปุ่นผ่าน “กฎหมายส่งเสริมรีสอร์ตแบบบูรณาการ (IR Promotion Act)” ท่ามกลางแรงคัดค้านจากประชาชนกว่า 60% (อ้างอิงจาก NHK Poll) ที่กังวลเรื่องปัญหาการติดพนัน และ อาชญากรรม  

แต่กว่าจะผ่านได้ รัฐบาลต้องออกกฎหมายควบคุมการเข้ากาสิโนของคนญี่ปุ่น อย่างเข้มงวด เช่น จำกัดจำนวนเข้ากาสิโนไม่เกิน 3 ครั้ง/สัปดาห์, จ่ายค่าธรรมเนียมเข้ากาสิโน และยกระดับมาตรการคัดกรองการเงิน ไปจนถึงระบบบัตรสมาชิก เพื่อป้องกันการติดพนัน และจำกัดจำนวนกาสิโนไว้ที่ 3 แห่งเท่านั้น

สิงคโปร์โมเดลแห่งความสำเร็จ

สิงคโปร์เคยต่อต้านกาสิโนอย่างหนักมาตลอดช่วงศตวรรษที่ 20 จนกระทั่งปี 2005 นายกรัฐมนตรี ลี เซียนลุง ผลักดันแนวคิด IR โดยเน้นว่า “ไม่ใช่กาสิโน แต่เป็นสถานบันเทิงครบวงจรเพื่อเศรษฐกิจ” 

เสียงค้านจากกลุ่มศาสนาและครอบครัวมีมากในช่วงแรก แต่รัฐบาลใช้เวลาสื่อสารกับสังคมอย่างต่อเนื่อง และ เน้นการควบคุมคนในประเทศ ไม่ให้เข้ามาเล่นพนันง่าย ๆ เช่นเดียวกับญี่ปุ่น โดยเรียกเก็บค่าธรรมเนียม 100 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อวัน (หรือราว 2,500 บาท ต่อวัน) สำหรับชาวสิงคโปร์ที่ต้องการเข้าเล่นพนัน

ผลลัพธ์คือ Marina Bay Sands และ Resorts World Sentosa กลายเป็นแม่เหล็กเศรษฐกิจ ดึงดูดนักท่องเที่ยวกว่า 17 ล้านคนต่อปี และช่วยเพิ่ม GDP ได้มากกว่า 1.5%

มาตรการสำคัญในการรับมือ

สิงคโปร์ออกนโยบาย "Entry Levy" เรียกเก็บค่าธรรมเนียมรายวันจากประชาชนสิงคโปร์ และผู้ถือถิ่นที่อยู่ถาวร (SCPR) เมื่อเข้าไปในส่วนกาสิโนของรีสอร์ตบันเทิงครบวงจร โดยมีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อ ลดโอกาสเล่นกาสิโนแบบไม่ตั้งใจ หรือ แฟชวล (impulse gambling) เป็นมาตรการป้องกันปัญหาการพนัน ที่อาจโตเร็วในกลุ่มคนท้องถิ่น และปกป้องความสมดุลของสังคมและลดความเสี่ยงจากการติดการพนัน

และรัฐบาลสิงคโปร์ ยังจัดตั้ง “National Council on Problem Gambling” เพื่อดูแลผู้ติดพนัน และรณรงค์การเล่นพนันอย่างรับผิดชอบ

สหรัฐเสียงคัดค้านในแต่ละรัฐ

ในประวัติศาสตร์ สหรัฐอมเมริกา มีประสบการณ์ด้านกาสิโนมายาวนาน แต่การอนุญาตกาสิโนถูกกฎหมาย จะแตกต่างกันไปในแต่ละรัฐ บางรัฐ เช่น เนวาดา เปิดเสรีกาสิโนมาตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 20 ขณะที่รัฐอื่นๆ เช่น นิวเจอร์ซีย์ คอนเน็กติกัต ใช้เวลาหลายสิบปีกว่าจะอนุญาตกาสิโนในรูปแบบสถานบันเทิงครบวงจร

ส่วนแรงต่อต้านในรัฐที่ไม่อนุญาตกาสิโน ส่วนใหญ่เกิดจากแรงกดดันของกลุ่มศาสนา และ ชุมชน ที่กังวลเรื่องปัญหาการติดพนัน อาชญากรรม และการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต การสำรวจในรัฐหลายแห่งพบว่า ประชาชนมีความกังวลในระดับสูง โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทและชุมชนเล็กๆ ที่มีความเหนียวแน่นทางสังคม

เช่น ในแมสซาชูเซตส์ การเปิด Encore Boston Harbor ต้องผ่านประชามติท้องถิ่น และการประเมินผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมหลายรอบ

จากผลสำรวจของ Gallup (2020) คนอเมริกันประมาณ 35% ไม่เห็นด้วยกับการขยายกาสิโน แม้จะมีข้อดีทางเศรษฐกิจชัดเจนก็ตาม
ผลลัพธ์คือ หลายรัฐที่อนุญาตกาสิโน เช่น นิวเจอร์ซีย์ มีการกำหนดกฎหมายควบคุมที่เข้มงวด และพัฒนาสถานบันเทิงครบวงจร ที่รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยว และงานประชุม ในขณะที่รัฐบางแห่ง เช่น นอร์ทแคโรไลนา ยังไม่อนุญาตกาสิโน เนื่องจากการต่อต้านของประชาชนและสภานิติบัญญัติ

เกาหลีใต้จำกัดสำหรับนักท่องเที่ยวเท่านั้น

แม้จะมีกาสิโนกว่า 17 แห่งในประเทศ แต่เกาหลีใต้จำกัดให้คนในประเทศสามารถเข้าเล่นได้แค่เพียงแห่งเดียวคือ Kangwon Land ส่วนกาสิโนอื่นเปิดเฉพาะชาวต่างชาติ เนื่องจากรัฐบาลกังวลเรื่องการติดพนันในกลุ่มประชากรในประเทศ

การผลักดัน IR เช่น ในอินชอน ใช้เวลาเกือบ 10 ปี ทั้งจากข้อจำกัดทางกฎหมาย การประท้วงของชาวบ้าน และแรงกดดันจากกลุ่มศาสนา แม้จะเปิดได้ในที่สุด แต่ต้องมีมาตรการคุมเข้มด้านภาษี สุขภาพจิต และอาชญากรรม

บทเรียนจากแรงต้าน 

บทเรียนจากประเทศเหล่านี้สะท้อนว่า “ความสำเร็จของ IR หรือ Entertainment Complex ไม่ได้อยู่ที่แค่ตัวอาคารสถานที่ แต่เริ่มต้นที่ความเข้าใจและยอมรับจากสังคม” การมีมาตรการคุมเข้ม การออกแบบพื้นที่ที่ปลอดภัย การจำกัดการเข้าถึงของคนในประเทศ และการคืนผลประโยชน์สู่ชุมชน ล้วนเป็นกุญแจสำคัญ ที่ทำให้หลายประเทศสามารถแปลงเสียงคัดค้าน ให้กลายเป็นโมเดลแห่งความสำเร็จได้