วันนี้ (วันที่ 2 พฤษภาคม 2568) นายกรัฐมนตรี ได้ประชุมร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อหารือถึงมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว หลังสถานการณ์การท่องเที่ยวล่าสุดที่ตัวเลขยังไม่ตรงเป้า ซึ่งมาจากหลายปัจจัย
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การท่องเที่ยวล่าสุดที่ตัวเลขยังไม่ตรงเป้า ซึ่งมาจากปัจจัยหลายอย่าง ทั้งจากปัจจัยภายนอกอย่างเศรษฐกิจโลก หรือปัจจัยภายในอย่างข่าวลือในประเทศที่ส่งผลต่อปริมาณนักท่องเที่ยวชาวจีน เหตุการณ์แผ่นดินไหว ทั้งหมดนี้เป็นโจทย์ท้าทายที่รัฐบาลต้องเดินหน้าแก้ไขและหามาตรการรับมือต่อไป
อย่างไรก็ตามอีกประเด็นที่สำคัญคือในช่วงไตรมาสนี้กำลังเข้าสู่ช่วง low season โดยในระยะยาวนั้น รัฐบาลเดินหน้าสร้างการท่องเที่ยว แบบ man made destination แต่ในระยะสั้น รัฐบาลยังต้องหามาตรการอื่นๆ มาเร่งดำเนินการต่อไป
วันนี้จึงได้เชิญทางทีมกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เข้ามาเพื่อพูดคุย อัพเดทงานและหามาตรการท่องเที่ยว โดยเฉพาะมาตรการระยะสั้นในช่วง low season นี้, มาตรการระยะยาว และนโยบายสนับสนุนการท่องเที่ยวในเมืองหลักเมืองรอง ไม่ว่าจะเป็นแคมเปญการท่องเที่ยว, การทำ promotion ร่วมกับ online platform และภาคส่วนต่างๆ
นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวในโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ซึ่งรัฐบาลสนับสนุนค่าใช้จ่ายท่องเที่ยว 50 % และประชาชนจ่ายเอง 50 % เบื้องต้นได้เสนอกรอบคร่าวๆไปกับนายกรัฐมนตรีแล้ว และนายกฯก็เห็นชอบแล้ว
ขณะนี้กระทรวงท่องเที่ยวฯกำลังพิจารณารายละเอียด เรื่องของการจองสิทธิ์ การใช้สิทธิ์ที่เหมาะสม และช่องทางในการใช้สิทธิ์ว่าควรเป็นอย่างไร โดยล่าสุดแอพพลิเคชั่น ทักทาย ก็เข้ามาหารือเราก็กำลังพิจารณาจะใช้เป็นอีกช่องทางหนึ่ง หรือ อาจจะระบบเปิดอย่างไร
โดยอยากสรุปในเรื่องของระบบต่างๆให้มีความชัดเจน ก่อนจะเสนอให้ครม.พิจารณาอีกครั้งในกลางเดือนพฤษภาคมนี้ ภายใต้งบประมาณที่หารือกับทางกระทรวงการคลังไว้แล้วก่อนหน้านี้ อยู่ที่ 3.5 พันล้านบาท ส่วนไทม์ในการเปิดใช้โครงการก็จะมีการขยับออกไปอีก 1 เดือน จากเดิมที่ตั้งใจว่าจะเริ่มในเดือนพฤษภาคม ไปเป็นเดือนมิถุนายน 2568 นี้แทน เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงโลว์ซีซัน
สำหรับสถานการณ์ท่องเที่ยวของไทยล่าสุดตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-20 เมษายน 2568 ภาพรวมของนักท่องเที่ยวยังเป็นบวกอยู่ 0.52 % โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย 11.2 ล้านคน สร้างรายได้ราว 5.4 แสนล้านบาท โดยในภาพรวมนักท่องเที่ยวมีบวก ซึ่งหลังสงกรานต์นักท่องเที่ยวจีนลดลง หลักๆเป็นเพราะการเข้า-ออกประเทศจีน ไม่เหมือนกับตอนที่เปิดประเทศ
แต่ไทยก็ได้นักท่องเที่ยวจากตลาดระยะไกล อังกฤษ อินเดีย เติบโตต่อเนื่องเข้ามา แต่เราก็ไม่ได้ทิ้งตลาดจีน โดยผมกำลังให้ปลัดท่องเที่ยวเรียกประชุมผู้ประกอบการ ในการกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวจีน
ทั้งสิ่งสำคัญที่กระทรวงฯให้ความสำคัญ คือ ต้องการทำให้ตัวเลขระหว่างนักท่องเที่ยวกับรายได้ทางเศรษฐกิจที่ต้องบาลานซ์กัน ซึ่งในช่วง 3 เดือนกว่านี้ ชัดเจนว่ารายได้จากการท่องเที่ยวสูงขึ้น ซึ่งผมมองว่าสัมพันธ์กันกับหลังสงกรานต์ที่จีนลดลง แต่ก็มีตลาดยุโรป อังกฤษ อินเดียมาทดแทน ส่วนที่มีสื่อออกมาโพสต์ในโซเชียลมีเดีย ด้านการท่องเที่ยวของไทยในทางลบ ผมก็จะนำคอมเม้นท์ต่างมาปรับปรุงให้ดีขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยว
อีกทั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยเฉพาะในช่วงโลว์ซีซันนี้ กระทรวงฯก็ยังกระตุ้นการท่องเที่ยวต่อเนื่อง ผ่านโครงการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของททท. อย่าง โครงการอะเมซิ่ง ไทยแลนด์ แกรนด์เซลล์ วันที่ 1 มิ.ย.-15 ส.ค.นี้ ที่จะมีห้างสรรพสินค้า ผู้ประกอบการท่องเที่ยว มอบส่วนลดและสิทธิพิเศษในการดึงดูดนักท่องเที่ยว กระตุ้นการใช้จ่าย ทำให้ไทยเป็นช้อปปิ้ง เดสติเนชั่น
การจัดงานไทยแลนด์ ทราเวล มาร์ท (TTM) ในเดือนมิ.ย.นี้ที่เชียงใหม่ ซึ่งจะมีผู้ซื้อจากต่างประเทศมาพบปะเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการไทย รวมไปถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านสปอร์ตทัวริสซึม อย่างในช่วงกลางปีนี้ ก็จะมีการจัดวอลเลย์บอลเวิล์ด แชมเปี้ยนชิพ เป็นต้น