แอตต้า สมาคมท่องเที่ยวจ่อชงสมุดปกขาวถึงนายกฯ แพทองธาร ฟื้นจีนเที่ยวไทย

02 พ.ค. 2568 | 01:34 น.
อัปเดตล่าสุด :02 พ.ค. 2568 | 07:56 น.

แอตต้า สมาคมทัวร์อินบาวด์ จ่อชงหนังสือปกขาวถึง แพทองธาร นายกรัฐมนตรี ฟื้นฟูตลาดนักท่องเที่ยวจีน จากวิกฤตนักท่องเที่ยวจีนปรับตัวลดลง หลังปลายปีเที่ยวบินจ่อยกเลิก 68%

นายธนพล ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า เตรียมเสนอหนังสือสมุดปกขาว เกี่ยวกับการฟื้นฟูตลาดนักท่องเที่ยวจีน หลังวิกฤตนักท่องเที่ยวจีนปรับตัวลดลง ต่อนายกรัฐมนีตรี เพื่อขอให้รัฐบาลสนับสนุน การฟื้นฟูวิกฤตความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวจีนต่อประเทศไทย 

แอตต้า สมาคมท่องเที่ยวจ่อชงสมุดปกขาวถึงนายกฯ แพทองธาร ฟื้นจีนเที่ยวไทย

หลังจากแอตต้า ได้นำเสนอแผนการฟื้นฟูฯต่อ นายนายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวแห่งและกีฬา และนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตามลำดับแล้ว 

แอตต้า ในฐานะสมาคมที่นำเข้านักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยมาประมาณ 4-5 ล้านคนต่อปี ในช่วงโควิด-19 และในปี 2567 จำนวนประมาณ 3 ล้านคน ในปีนี้ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนที่ผ่านเอเย่นต์จีนได้มีจำนวนลดลงอย่างมีนัยยะตามตัวเลขสถิติในภาพใหญ่ จำนวนนักท่องเที่ยวเดือนมกราคม – เมษายน 2568 ลดลง 56% เมื่อเทียบกับปี 2567 

ขณะที่ข้อมูลจากภาคเอกชนทั้งร้านค้า บริษัทขนส่ง และร้านแลกเปลี่ยนเงินตราที่มียอดเงินต่างประเทศเข้าแลกเปลี่ยนลดลงในเดือนมีนาคมประมาณ 15% รวมทั้งผู้ประกอบการโรงแรม ร้านอาหารและข้อมูลเชิงประจักษ์จากข่าวสารบนออนไลน์และสื่อหลักต่างเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งถือเป็นภาวะที่น่ากังวลสูงมาก

นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการ แอตต้า กล่าวว่า ประเด็นที่ส่งผลต่อการท่องเที่ยวไทย ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติชะลอตัว โดยเฉพาะตลาดจีนที่กำลังลงเหวอยู่ตอนนี้นั้น เป็นเรื่องความปลอดภัยล้วนๆ

จากข้อมูลที่ได้รับจากพันธมิตรสายการบินพบว่า ปัจจุบันมีเที่ยวบินจากจีนมาไทยมีประมาณวันละ 136 เที่ยวบิน ใน 31 เมืองจากจีนเข้าไทย หากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนยังลดลงต่อเนื่องแบบนี้ แนวโน้มครึ่งหลังของปี 2568 มีโอกาสที่เที่ยวบินอาจถูกยกเลิกไปกว่า 68% ของเที่ยวบินทั้งหมด

 หากรัฐบาลไม่เร่งแก้ปัญหา ยังคิดเอาเนื้อหนูมาแปะเนื้อช้าง ยังไม่เร่งทำการฟื้นฟูการท่องเที่ยว ปล่อยให้เกิดทัศนคติเชิงลบต่อกันทั้งไทยและจีน จะส่งผลกระทบให้อนาคตของท่องเที่ยวไทยและประเทศไทยแย่แน่ ขณะนี้ปัญหาการขายของถูกหรือแพงเป็นประเด็นขี้ปะติ๋วเท่านั้น แต่ประเด็นทางสังคมที่ขยายวงกว้างในตอนนี้มากกว่าที่กำลังเป็นปัญหารุนแรง โดยเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่ระดับนายกรัฐมนตรีต้องลงมาดูเพื่อร่วมแก้ปัญหาของประเทศด้วยตัวเอง

นายอดิษฐ์ กล่าวว่า แอตต้าได้รวบรวมความคิดเห็นจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่มีผลต่อการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย จนสามารถวิเคราะห์สาเหตุและเสนอแนะโครงการฟื้นฟูตลาดจีน เพื่อเป็นการป้องกันภาวะวิกฤตที่อาจจะรุนแรงมากขึ้นถึงขั้นมีโอกาสสูญเสียฐานการตลาด 

ที่สำคัญให้กับคู่แข่งเพื่อนบ้าน ประเทศเวียดนามที่ ราคาถูก หรือ ประเทศญี่ปุ่น ที่มีภาพลักษณ์และคุณภาพดีกว่า และมีค่าเงินเยนที่ลดลงจนทำให้เกิดกระแสการเดินทางไปท่องเที่ยวเพื่อซื้อสินค้าเป็นเป้าหมายหลัก โดยมีข้อมูลว่านักท่องเที่ยวไปญี่ปุ่น จะกำหนดสัดส่วนช้อปปิ้งไว้ถึง 45% ของเงินที่มี

 สำหรับมาตรการกระตุ้นความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย ต่อผู้ประกอบการและภาพลักษณ์ของประเทศไทย ผ่านสื่อมวลชนจีนภายใต้โครงการสวัสดี หนีห่าว จะต้องเร่งทำให้เร็วที่สุด โดยเชิญผู้ประกอบการจีน 300 ราย กับสื่อมวลชน 100 รายเดินทางมาประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมประชุมกับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากรัฐบาลไทย และเดินทางสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวกระจายไปตามแหล่งท่องเที่ยวให้ได้สัมผัสกับความปลอดภัย โครงการนี้คาดว่าใช้งบประมาณสนับสนุน 20 ล้านบาท

 รวมถึงงบประมาณสนับสนุนโครงการเที่ยวบินพิเศษ หรือ Charter Flight จากเมืองรองในประเทศจีน ซึ่งจะเป็นลูกค้ากลุ่มเข้ามาเที่ยวครั้งแรก ที่จะมีกำลังซื้อและใช้จ่ายในการท่องเที่ยวมากกว่านักท่องเที่ยวที่เดินทางเป็นประจำ เพราะเกิดความแปลกใหม่ และเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ ในประเทศไทยย่อมมีการใช้จ่ายที่มากกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป 

เป้าหมายนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะอยู่ในเมืองรองและเป็นฐานการตลาดของผู้ประกอบการนำเที่ยวแบบออฟไลน์ในประเทศจีนที่ต้องอาศัยเที่ยวบินพิเศษ หรือเช่าเหมาลำมาจุดกระแสความนิยมการเดินทางมาประเทศไทยกลับมาอีกในช่วงเดือนมิถุนายน - สิงหาคมนี้

ทั้ง 2 โครงการนี้ ผลตอบแทนมีไม่ต่ำกว่า 8.3 พันล้านบาท และการลงทุนสนับสนุนนี้ปราศจากความเสี่ยงของภาครัฐ เนื่องจากเป็นการร่วมลงทุนตามหลัก เอกชนลงทุน 80% รัฐสนับสนุน 20% แบบมีเงื่อนไขคือในทุกเที่ยวบินจะต้องมีนักท่องเที่ยวจีนเข้าไม่ต่ำกว่า 150 คนต่อการสนับสนุนเที่ยวบินละ 300,000 บาท ภาคเอกชนที่ลงโดยบริษัทนำเที่ยวต้องแบกรับความเสี่ยงจากลงทุน และเกิดแรงกดดันในการขับเคลื่อนตลาดต้องทำอย่างเต็มที่อยู่แล้ว นายอดิษฐ์ กล่าวทิ้งท้าย

นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ภาคการท่องเที่ยวไทยถือเป็นเครื่องจักรเดียวในการขับเคลื่อนรายได้ของประเทศ จึงอยากให้ทุกคนรวมถึงพี่น้องประชาชนมีส่วนร่วมในการทำให้บ้านเรามีความปลอดภัย ทั้งการใช้ชีวิตและการท่องเที่ยว โดยจากนี้จะนำข้อเสนอของภาคเอกชนไปทำงานและหากอะไรที่ทำได้ก่อนจะทำทันที อาทิ การประเมินเป้าหมายการท่องเที่ยวใหม่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อไม่ให้ปลายปีตัวเลขอาจห่างเป้าหมายมากจนนำมาโจมตีในด้านใดได้ รวมถึงข้อเสนอจากภาคเอกชนให้เชิญรัฐมนตรีกระทรวงท่องเที่ยวของจีนเข้ามาเที่ยวไทย เพื่อสื่อสารไปยังพลเมืองจีน ซึ่งคาดว่าจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นได้อย่างดี ส่วนนี้จะเร่งหารือและดำเนินการต่อไป

นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี อดีตนายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่า ความกังวลในเรื่องราคาที่พัก โรงแรมมีการปรับตัวสูงขึ้น และราคาในแต่ละช่วงเวลาไม่เท่ากัน ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวนั้น ต้องบอกว่าโรงแรมกว่าจะได้ราคาที่เหมาะสมใช้เวลากว่า 10-20 ปี เมื่อมีความต้องการ (ดีมานด์) เข้ามา ราคาก็ปรับเพิ่มขึ้นตามกลไกของตลาดอยู่แล้ว แต่ประเทศไทยถือว่ามีที่พักแบบทุกรูปแบบ ทุกระดับราคา ขึ้นอยู่กับฤดูกาล และระยะเวลาการจอง หากวางแผนจองล่วงหน้าก็ได้ราคาที่เหมาะสมแน่นอน รวมถึงธุรกิจโรงแรมถือว่ามีการลงทุนเยอะ มีการรีโนเวทอยู่ตลอดเวลา การตั้งราคาสูงเหมาะสมกับคุณภาพของโรงแรมก็ถือว่าเป็นธรรมแล้ว รวมถึงปัจจุบันโรงแรมไทยไม่ได้ทำการตลาดแบบตัดราคากันเองแล้ว ทำให้ราคาห้องพักมีความเสถียรมากกว่าเดิม จึงไม่เห็นด้วยว่าราคาห้องพักเป็นปัญหาหลักต่อการเที่ยวไทย

นายธนพล ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า เตรียมเสนอหนังสือปกขาว เกี่ยวกับการฟื้นฟูตลาดนักท่องเที่ยวจีน หลังวิกฤตนักท่องเที่ยวจีนปรับตัวลดลง ต่อนายกรัฐมนีตรี เพื่อขอให้รัฐบาลสนับสนุน การฟื้นฟูวิกฤตความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวจีนต่อประเทศไทย หลังจากแอตต้า นำเสนอแผนการฟื้นฟูฯต่อ นายนายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวแห่งและกีฬา และนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตามลำดับแล้ว 

นายธนพล กล่าวว่า แอตต้า ในฐานะสมาคมที่นำเข้านักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยมาประมาณ 4-5 ล้านคนต่อปี ในช่วงโควิด-19 และในปี 2567 จำนวนประมาณ 3 ล้านคน ในปีนี้ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนที่ผ่านเอเย่นต์จีนได้มีจานวนลดลงอย่างมีนัยยะตามตัวเลขสถิติในภาพใหญ่ จำนวนนักท่องเที่ยวเดือนมกราคม – เมษายน 2568 ลดลง 56% เมื่อเทียบกับปี 2567

ขณะที่ข้อมูลจากภาคเอกชนทั้งร้านค้า บริษัทขนส่ง และร้านแลกเปลี่ยนเงินตราที่มียอดเงินต่างประเทศเข้าแลกเปลี่ยนลดลงในเดือนมีนาคมประมาณ 15% รวมทั้งผู้ประกอบการโรงแรม ร้านอาหารและข้อมูลเชิงประจักษ์จากข่าวสารบนออนไลน์และสื่อหลักต่างเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งถือเป็นภาวะที่น่ากังวลสูงมาก

นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการ แอตต้า กล่าวว่า ประเด็นที่ส่งผลต่อการท่องเที่ยวไทย ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติชะลอตัว โดยเฉพาะตลาดจีนที่กำลังลงเหวอยู่ตอนนี้นั้น เป็นเรื่องความปลอดภัยล้วน

ที้งนี้จากข้อมูลที่ได้รับจากพันธมิตรสายการบินพบว่า ปัจจุบันมีเที่ยวบินจากจีนมาไทยมีประมาณวันละ 136 เที่ยวบิน ใน 31 เมืองจากจีนเข้าไทย หากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนยังลดลงต่อเนื่องแบบนี้

อดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์

แนวโน้มครึ่งหลังของปี 2568 มีโอกาสที่เที่ยวบินอาจถูกยกเลิกไปกว่า 68% ของเที่ยวบินทั้งหมด หากรัฐบาลไม่เร่งแก้ปัญหา ยังคิดเอาเนื้อหนูมาแปะเนื้อช้าง ยังไม่เร่งทำการฟื้นฟูการท่องเที่ยว ปล่อยให้เกิดทัศนคติเชิงลบต่อกันทั้งไทยและจีน จะส่งผลกระทบให้อนาคตของท่องเที่ยวไทยและประเทศไทยแย่แน่

ขณะนี้ปัญหาการขายของถูกหรือแพงเป็นประเด็นขี้ปะติ๋วเท่านั้น แต่ประเด็นทางสังคมที่ขยายวงกว้างในตอนนี้มากกว่าที่กำลังเป็นปัญหารุนแรง โดยเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่ระดับนายกรัฐมนตรีต้องลงมาดูเพื่อร่วมแก้ปัญหาของประเทศด้วยตัวเอง

ขณะนี้ แอตต้าได้รวบรวมความคิดเห็นจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่มีผลต่อการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย จนสามารถวิเคราะห์สาเหตุและเสนอแนะโครงการฟื้นฟูตลาดจีน เพื่อเป็นการป้องกันภาวะวิกฤตที่อาจจะรุนแรงมากขึ้นถึงขั้นมีโอกาสสูญเสียฐานการตลาด ที่สำคัญให้กับคู่แข่งเพื่อนบ้าน ประเทศเวียดนามที่ ราคาถูก หรือ ประเทศญี่ปุ่น ที่มีภาพลักษณ์และคุณภาพดีกว่า และมีค่าเงินเยนที่ลดลงจน

ทำให้เกิดกระแสการเดินทางไปท่องเที่ยวเพื่อซื้อสินค้าเป็นเป้าหมายหลัก โดยมีข้อมูลว่านักท่องเที่ยวไปญี่ปุ่น จะกำหนดสัดส่วนช้อปปิ้งไว้ถึง 45% ของเงินที่มี

สำหรับมาตรการกระตุ้นความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย ต่อผู้ประกอบการและภาพลักษณ์ของประเทศไทย ผ่านสื่อมวลชนจีนภายใต้โครงการสวัสดี หนีห่าว จะต้องเร่งทำให้เร็วที่สุด

โดยเชิญผู้ประกอบการจีน 300 ราย กับสื่อมวลชน 100 รายเดินทางมาประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมประชุมกับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากรัฐบาลไทย รวมถึงเดินทางสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวกระจายไปตามแหล่งท่องเที่ยวให้ได้สัมผัสกับความปลอดภัย คาดว่าใช้งบประมาณสนับสนุน 20 ล้านบาท

นายอดิษฐ์ กล่าวว่า รวมถึงงบประมาณสนับสนุนโครงการเที่ยวบินพิเศษ หรือ Charter Flight จากเมืองรองในประเทศจีน ซึ่งจะเป็นลูกค้ากลุ่มเข้ามาเที่ยวครั้งแรก ที่จะมีกาลังซื้อและใช้จ่ายในการท่องเที่ยวมากกว่านักท่องเที่ยวที่เดินทางเป็นประจำ

เพราะเกิดความแปลกใหม่ และเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ ในประเทศไทยย่อมมีการใช้จ่ายที่มากกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป ซึ่งเป้าหมายนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะอยู่ในเมืองรองและเป็นฐานการตลาดของผู้ประกอบการนำเที่ยวแบบออฟไลน์ในประเทศจีนที่ต้องอาศัยเที่ยวบินพิเศษ หรือเช่าเหมาลำมาจุดกระแสความนิยมการเดินทางมาประเทศไทยกลับมาอีกในช่วงเดือนมิถุนายน - สิงหาคมนี้

ทั้ง 2 โครงการนี้ ผลตอบแทนมีไม่ต่ำกว่า 8.3 พันล้านบาท และการลงทุนสนับสนุนนี้ปราศจากความเสี่ยงของภาครัฐ เนื่องจากเป็นการร่วมลงทุนตามหลัก เอกชนลงทุน 80% รัฐสนับสนุน 20% แบบมีเงื่อนไขคือในทุกเที่ยวบิน

โดยจะต้องมีนักท่องเที่ยวจีนเข้าไม่ต่ำกว่า 150 คนต่อการสนับสนุนเที่ยวบินละ 300,000 บาท ภาคเอกชนที่ลงโดยบริษัทนำเที่ยวต้องแบกรับความเสี่ยงจากลงทุน และเกิดแรงกดดันในการขับเคลื่อนตลาดต้องทำอย่างเต็มที่อยู่แล้ว นายอดิษฐ์ กล่าวทิ้งท้าย