วันนี้ (วันที่ 30 เมษายน 2568) นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยหลังการประชุมแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัยที่ส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวในการเดินทางมาประเทศไทย โดยได้กล่าวว่า การประชุมวันนี้เป็นการประชุมที่จัดขึ้นเนื่องมาจากบทความสื่อสังคมออนไลน์
ในหัวข้อ “นักท่องเที่ยวฝรั่งต่างชาติหายไปไหน” ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2568 บทความดังกล่าวได้รวบรวมและแปลความคิดเห็นของชาวต่างชาติที่เป็นนักท่องเที่ยวและที่ทำงานในไทย (Expats) ต่อการลงข่าวของ Bangkok post learning เรื่อง “Thailand faces lower tourist numbers”
ในประเด็นด้านความปลอดภัย การถูกทำร้ายร่างกาย การเรียกเก็บค่าโดยสารเกินอัตรา การเผชิญภัยคุกคามจากกลุ่มอิทธิพลข้ามชาติในพื้นที่ท่องเที่ยว รวมทั้งการถูกรีดไถทรัพย์ ที่อาจเป็นปัจจัยในการลดจำนวนการเดินทางเข้าประเทศไทยของนักท่องเที่ยว
กระทรวงท่องเที่ยว ฯ ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อเสียงสะท้อนของนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติในไทยซึ่งสะท้อนถึงภาพลักษณ์ของประเทศไทย ดังนั้น เพื่อคงความเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจในสายตานักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างสมดุล ทั้งด้านคุณภาพ การบริการ และความคุ้มค่า
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจึงได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือในประเด็นด้านการท่องเที่ยวในวันนี้ ซึ่งที่ประชุมได้ร่วมกันระดมความคิดเห็นและกำหนดมาตรการในการแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว โดยจะนำมาตรการที่รัดกุมมาใช้ในการดูแลรักษาความปลอดภัยแบบครบวงจร
โดยเฉพาะแอพพลิเคชั่น Thailand Tourist Police ช่วยให้นักท่องเที่ยวสามารถส่งข้อความ รูปภาพ และพิกัดสถานที่เพื่อสอบถามข้อมูล แจ้งเหตุ หรือขอความช่วยเหลือ ทำให้การประสานงานระหว่างนักท่องเที่ยวและเจ้าหน้าที่มีความสะดวกรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้จัดสรรเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวประจำทุกจังหวัด รวมทั้งสิ้น 79 แห่งทั่วประเทศ เพื่อให้บริการ ช่วยเหลือ อำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว พร้อมทั้งบูรณาการความร่วมมือกับสถานเอกอัครราชทูตต่างๆ ประจำประเทศไทยในการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยว
ในการประชุมยังมีการกำหนดมาตรการเพิ่มเติมในประเด็นการแก้ไขปัญหาด้านค่าใช้จ่ายการท่องเที่ยวที่เพิ่มสูงขึ้นและเป็นธรรมต่อนักท่องเที่ยว โดยเน้นย้ำให้มีการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานที่รวดเร็ว บริการที่เป็นมิตร จัดเก็บค่าธรรมเนียมหรือราคาสินค้าและค่าบริการที่เท่าเทียมกันระหว่างชาวไทยกับชาวต่างชาติ และนักท่องเที่ยวสามารถใช้จ่ายได้อย่างคุ้มค่าโดยไม่ลดทอนคุณภาพของประสบการณ์ท่องเที่ยว
ถือว่าเป็นความท้าทายของประเทศไทยในการรักษาความสามารถการแข่งขันในตลาดท่องเที่ยว โดยเฉพาะด้านราคาที่พัก ค่าอาหาร และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่อาจถูกมองว่าราคาของประเทศไทยสูงเกินความเหมาะสมเมื่อเปรียบเทียบกับจุดหมายปลายทางข้างเคียง
อีกทั้งมีนโยบายในการพัฒนาบริการท่องเที่ยวเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์/กิจกรรมท้องถิ่น (Local Experience) อาทิ การท่องเที่ยวโดยชุมชน (CBT) และการพำนักกับเจ้าบ้าน (Homestay) เพื่อสร้างประสบการณ์ที่หลากหลายซึ่งตอบโจทย์กับนักท่องเที่ยวที่ชอบการท่องเที่ยวแบบอิสระที่ประหยัดค่าใช้จ่าย
สำหรับมาตรการในการแก้ไขปัญหาสภาพแวดล้อมและมลภาวะด้านการท่องเที่ยว เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ได้มีการหารือกันอย่างกว้างขวาง โดยเน้นย้ำให้มีการดูแลความสะอาดของชายหาด การจัดการขยะอย่างเป็นระบบ การแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5
การกำกับและควบคุมกลิ่นจากการใช้กัญชาเสรีไม่ให้รบกวนนักท่องเที่ยวและกระทบต่อบรรยากาศการท่องเที่ยว การลดมลภาวะทางเสียงจากการใช้ยานพาหนะให้อยู่ในขีดจำกัด ตลอดจนการพัฒนา ปรับปรุง และแก้ไขโครงสร้างพื้นฐาน และระบบขนส่งสาธารณะรองรับนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่ามีนักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่งแสดงความคิดเห็นต่อการท่องเที่ยวไทยอย่างตรงไปตรงมา แต่รัฐบาลมองว่านั่นคือโอกาสในการปรับปรุงและพัฒนาโดยเล็งเห็นถึงความจำเป็นและเร่งด่วนกับการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ
"ยอมรับว่า ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติในขณะนี้ถือว่าเป็นวิกฤตตามที่เกิดความห่วงใยกันขึ้น แต่สถานการณ์เพิ่งเริ่มต้น ทำให้ยังสามารถป้องกันได้ ความสำคัญคือ ความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการเผยแพร่ข่าวสารข้อมูลที่ดีออกไป เพราะตัวเลขนักท่องเที่ยวที่ชลอตัว เป็นเรื่องความปลอดภัย"
กระทรวงท่องเที่ยวจึงได้ประสานความร่วมมือกับตำรวจท่องเที่ยว และทุกภาคส่วนในการดูแลความปลอดภัยของทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทย แม้ไม่ได้มีภาพเผยแพร่ออกไปในสื่อ แต่ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่มีการดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มข้น และเน้นย้ำว่าทุกกรณีที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เป็นการหลอกชาวต่างชาติเข้ามาทำงาน ไม่ได้เข้ามาเป็นนักท่องเที่ยวที่แท้จริง
ความสำคัญคือ การกระจายข่าวสารข้อมูลที่รวดเร็วในปัจจุบัน ทำให้มีข่าวเชิงลบออกไปมากมาย ทั้งที่ความจริงอาจไม่ได้เป็นเรื่องเชิงลบที่ควรมีผลกระทบมากอย่างที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะข่าวสารที่แปรออกไปในภาษาอื่น ทั้งอังกฤษ และจีน ซึ่งอาจเกิดความคลาดเคลื่อนในบางคำที่กระจายออกไปได้
เพราะท่องเที่ยวเหลือเป็นเครื่องจักรเดียวแล้วที่จะพึ่งพาในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยอะไรที่สามารถทำได้ จะพยายามทำก่อน เพราะตั้งแต่ต้นปี 2568 ถึงปัจจุบัน นักท่องเที่ยวต่างชาติบางตลาดลดลงจริง อาทิ จีน แต่ในด้านรายได้ปรับเพิ่มขึ้นเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 แม้จำนวนจะลดลงก็ตาม ถือเป็นนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพใช้จ่ายสูงเข้ามามากขึ้น
ส่วนข้อห่วงใยที่เกิดขึ้นในด้านราคาแพงทั้งสินค้าและบริการ โรงแรม แหล่งท่องเที่ยว และตั๋วเครื่องบินนั้น ไม่อยากให้ประเทศไทยถูกมองว่าเป็นการท่องเที่ยวราคาถูก แต่อยากให้มองความคุ้มค่า และความเป็นธรรมในด้านราคามากกว่า ส่วนตั๋วเครื่องบิน ต้องบอกว่าราคาปรับขึ้นทั้งโลก
โดยส่วนของราคาสินค้าและบริการที่แพง ภาคเอกชนยืนยันว่าเป็นราคาที่สมเหตุสมผลแล้วกับการให้บริการ แต่สิ่งที่ควรคำนึงถึงคือ ความคุ้มค่า และมาตรฐานของราคามากกว่า
ส่วนนี้จะมีการหารือร่วมกับส่วนที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงคมนาคม กำหนดราคาการบริการสาธารณะ ทั้งรถ ราง เรือ ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ส่วนตั๋วเครื่องบินจะเสนอการลดภาษีค่าเชื้อเพลิง พลังงานที่ปรับสูงขึ้น เพิ่มเช่าเหมาลำให้กับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเข้ามาเที่ยวไทย
การแข่งขันในภาคการท่องเที่ยวปัจจุบันไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะหลายประเทศหันมารุกเรื่องท่องเที่ยวมากขึ้น โดยเฉพาะจีนที่แย่งตลาดนักท่องเที่ยวจากต่างชาติไปมากขึ้นด้วย และไทยมีกระแสข่าวเชิงลบออกไปต่อเนื่อง
หากลบกระแสข่าวไม่ดีออกไปไม่ได้ จะเป็นผลลบต่อภาพลักษณ์ของไทย ซึ่งกังวลว่าจะเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวที่ส่งผลกระทบกับภาพรวมของประเทศไทยทั้งหมด ไม่ได้เป็นแค่ท่องเที่ยวเท่านั้นแล้ว
อย่างไรก็ตามรัฐบาลไทยมุ่งมั่นที่จะทำให้ประเทศไทยกลับมาเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติดังเดิม ตลอดจนมีภาพลักษณ์ที่ดีด้านการท่องเที่ยว และมีความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอีกด้วย
การที่ประเทศไทยจะกลับมาเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวระดับโลก เราต้องมั่นใจว่า ทุกคนที่เดินทางมาจะรู้สึกปลอดภัยและยินดีที่ได้มาเยือน