ถอดสูตร “ขมิ้น” พลิกร้านแกงใต้สู่ธุรกิจร้านอาหารร้อยล้าน

23 พ.ย. 2568 | 22:15 น.
อัปเดตล่าสุด :24 พ.ย. 2568 | 06:48 น.

กรณีศึกษาธุรกิจรุ่นใหม่ที่บริหารหลังบ้านแข็งแรง “ขมิ้น Camin Cuisin & Café” พลิกร้านอาหารใต้พื้นบ้านสู่กลุ่มธุรกิจ 4 แบรนด์ ผ่านกลยุทธ์คุมต้นทุน–ดันการตลาด TikTok ตั้งเป้ารายได้แตะ 100 ล้านบาทในปี 69

KEY

POINTS

  • ใช้กลยุทธ์บริหารต้นทุนหลังบ้านอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่กับการตลาดเชิงรุกผ่าน TikTok และสร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์ให้ชัดเจน
  • ต่อยอดธุรกิจจากร้านอาหารใต้สู่บริษัทที่มีหลายแบรนด์ในเครือ เช่น "เริน" (Fine Dining) และ "ใส่ใจ" (เดลิเวอรี่) โดยมีครัวกลางเป็นหัวใจสำคัญในการผลิต
  • ปรับกลยุทธ์โดยลดสาขาที่ไม่ทำกำไรและเน้นขยายแบรนด์ใหม่ที่เข้าถึงง่าย เพื่อสร้างการเติบโตสู่เป้าหมายรายได้ 100 ล้านบาทในปีหน้า

ในยุคที่ธุรกิจร้านอาหารมีการแข่งขันสูง ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ต่างต้องหาวิธีสร้างความโดดเด่นท่ามกลางตัวเลือกมากมาย “ขมิ้น Camin Cuisin & Café” ได้พิสูจน์ตนเอง และเป็นกรณีศึกษาที่ประสบความสำเร็จ โดยสามารถพลิกธุรกิจร้านอาหารใต้พื้นบ้านให้เติบโตและขยายแบรนด์ใหม่ ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง

ความสำเร็จนี้ขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์ที่เริ่มจากการบริหารต้นทุนหลังบ้านอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อลดการสูญเสีย ควบคู่ไปกับการใช้เทคโนโลยีทำการตลาดเชิงรุกผ่านแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง TikTok เพื่อสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์

นอกจากนี้ยังสร้างเอกลักษณ์ที่ชัดเจนทั้งในด้านการบริการและเมนูอาหารที่แตกต่าง เพื่อดึงดูดและรักษาฐานลูกค้าไว้ ด้วยการวางแผนที่ครอบคลุมนี้ ทำให้ธุรกิจต่อยอดสู่เป้าหมายรายได้ปีนี้ 90 ล้านบาท และ 100 ล้านบาทในปีหน้า

นางสาวจุฑาทิพย์ เพชรเรือนทอง เจ้าของร้านขมิ้น Camin Cuisin & Café เล่าให้ “ฐานเศรษฐกิจ” ฟังว่า จุดเริ่มของการทำร้านคือต้องการนำรสชาติอาหารใต้ที่คุ้นเคยมาเปิดร้านในกรุงเทพฯ ด้วยการใช้วัตถุดิบจากบ้านเกิด เช่น กะปิ และเครื่องแกง โดยเปิดร้านขมิ้นสาขาแรกที่เกษตร-นวมินทร์ เมื่อปี 2560 บนพื้นที่ 2 ไร่ ด้วยการลงทุนหลายสิบล้านบาท ส่วนที่ตั้งชื่อร้านว่า “ขมิ้น” เพราะเป็นวัตถุดิบหลักที่ทำให้อาหารใต้มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ เช่น แกงใต้ที่ใช้ขมิ้นแทนกระชายในแกงภาคกลาง

ปัจจุบันจากร้านอาหารใต้เล็กๆ ของเราต่อยอดธุรกิจจนมีทั้งหมด 2 บริษัท 4 แบรนด์หลัก ได้แก่ 1.บริษัท ขมิ้น 151 จำกัด ซึ่งดูแลแบรนด์ร้านอาหารขมิ้น Camin Cuisin & Café เป็นหลัก และ 2.บริษัท กูร์เมต์ ซัพพลายเชน จำกัด ดูแลโรงงานและครัวกลางทั้งหมด โรงงานผลิตแห่งนี้ตั้งอยู่ที่เสนานิคม ดำเนินงานมา 4-5 ปี ทำหน้าที่ผลิตอาหารให้แก่แบรนด์ในเครือ ได้แก่ 1.แบรนด์ “เริน” (Rern) 2.แบรนด์ “ใส่ใจทอด” และ 3.แบรด์ “ใส่ใจแกง” ควบคู่ไปกับการรับจ้างผลิต (OEM) ให้กับแบรนด์ภายนอก โดยมีสัดส่วนการผลิตสำหรับแบรนด์ตัวเอง 60% และ OEM 40%

ถอดสูตร “ขมิ้น” พลิกร้านแกงใต้สู่ธุรกิจร้านอาหารร้อยล้าน

ในบรรดาแบรนด์ทั้งหมด ร้านขมิ้น (Khmin) ทำรายได้สูงสุด คิดเป็นสัดส่วนราว 70% ของรายได้ ปัจจุบันขมิ้นได้ปรับกลยุทธ์โดยการลดสาขาจากเดิม 6-7 แห่ง เหลือเพียง 3 สาขา ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่เน้นการทำกำไรสูงสุดในสาขาที่ทำเลมีประสิทธิภาพเท่านั้น ขณะที่กลยุทธ์การขยายยังคงเน้นรูปแบบ Stand-Alone นอกห้าง เพื่อรักษาเอกลักษณ์ “สวนในป่ากลางกรุง” อันเป็นเสน่ห์ของแบรนด์ เมนูหลักที่ยังคงดึงดูดลูกค้าคือ แกงส้มปลากะพงยอดมะพร้าว และใบเหลียงผัดไข่

สำหรับ ร้านเริน (Rern) เป็นร้านอาหารใต้แบบ Fine Dining ที่เน้นคุณภาพสูงเจาะกลุ่มพรีเมียม และสร้างรายได้ในสัดส่วนราว 20% ของรายได้รวม ร้านเรินเน้นการรักษาคุณภาพและประสบการณ์ รวมถึงการร่วมงานกับเชฟที่มีชื่อเสียง ซึ่งบริษัทยังไม่มีแผนขยายสาขาใหม่ในเร็วๆ นี้

ถอดสูตร “ขมิ้น” พลิกร้านแกงใต้สู่ธุรกิจร้านอาหารร้อยล้าน

ส่วนรายได้อีก 10% มาจากยอดขายเดลิเวอรี่ผ่านร้านซีรีส์ “ใส่ใจ” ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อรองรับการทำงานของครัวกลางหลังการลดสาขาของขมิ้น โดยร้าน “ใส่ใจทอด” เป็นร้านเดลิเวอรี่ 100% มีสินค้าหลักคือหมูเค็มทอดและหมูทอดซอสน้ำปลา สามารถสร้างยอดขายได้เกือบ 2 ล้านบาทต่อเดือน ปัจจุบันมี 6 สาขา และมีแผนขยายให้ถึง 10 สาขา

ส่วนร้าน “ใส่ใจแกง” พึ่งเปิดเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เป็นร้านข้าวแกงปักษ์ใต้พรีเมียม ที่ใช้โมเดลการขยายสาขาที่ง่ายและรวดเร็ว เนื่องจากทุกเมนูปรุงสำเร็จและชั่งน้ำหนักจากครัวกลาง ทำให้สามารถลดการพึ่งพาเชฟที่มีฝีมือในการปรุงรสชาติหน้างาน และมีแผนขยายสาขาต่อไปตามในเมืองหรือแนวออฟฟิศ

ถอดสูตร “ขมิ้น” พลิกร้านแกงใต้สู่ธุรกิจร้านอาหารร้อยล้าน

นอกจากนี้กำลังจะออกแบรนด์ใหม่ ที่เน้นอาหารตะวันตก (All Day Dining) ในย่านเอกมัย ซึ่งอยู่ในระหว่างการก่อสร้างและเตรียมเปิดให้บริการในช่วงปลายปีนี้เพื่อขยายฐานลูกค้าในอนาคต

สิ่งสำคัญที่สุดของร้านอาหารคือ “ตัวตนของแบรนด์ที่ชัดเจน คุณภาพที่เชื่อถือได้ และประสบการณ์ที่ทำให้ลูกค้ากลับมา” แม้เศรษฐกิจผันผวน ผู้บริโภคก็ยังต้องกินและยังออกมาใช้ชีวิต ต่างจากช่วงโควิดที่การใช้บริการนอกบ้านหยุดลงทั้งหมด ร้านอาหารที่รักษามาตรฐานและมีเอกลักษณ์ชัดเจนจึงมีโอกาสยืนระยะได้ทั้งในช่วงปลายปีและปีถัดไป

หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,150 วันที่ 20 - 22 พฤศจิกายน  พ.ศ. 2568