KEY
POINTS
นางสาว ทิพย์สุดา อเนกวัชรากรณ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด YAKINIKU LIKE Thailand (ยากินิกุ) กล่าวว่า การแข่งขันในตลาดอาหารญี่ปุ่นยังคงสูงมาก ซึ่งเป็น Red Ocean และเป็นข้อได้เปรียบของผู้บริโภคที่มีตัวเลือกหลากหลายขึ้นทั้งแบรนด์ใหม่และ Category อาหารญี่ปุ่นสไตล์ใหม่ ๆ แต่โจทย์สำคัญของธุรกิจคือการ รักษาฐานลูกค้าเดิมควบคู่ไปกับการเพิ่มฐานผู้ใช้งานใหม่
อย่างไรก็ตาม กำลังซื้อของผู้บริโภคมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากเศรษฐกิจภาพใหญ่ที่ไม่ดีทำให้คนไม่กล้าใช้เงินและมีการเก็บเงินสำรองมากขึ้น ส่งผลให้ยอด Spending ลดลงจากเฉลี่ย 370-360 บาท เหลือประมาณ 350 บาทในปีนี้
ซึ่งเป็นปัจจัยเชิงลบที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อแบรนด์ที่เน้นความพรีเมียมและคุณภาพจึงไม่สามารถสู้ด้วยกลยุทธ์สงครามราคาได้ และแม้จะได้รับแรงกระตุ้นจากมาตรการรัฐบ้าง แต่สัดส่วนรายได้หลักกว่า 90% มาจากคนไทย
ดังนั้น ท่ามกลางความท้าทายนี้ Yakiniku Like แบรนด์ปิ้งย่างเตาเดี่ยวสัญชาติญี่ปุ่นที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยครบ 4 ปี และปัจจุบันมี 22 สาขา จึงต้องประกาศกลยุทธ์เชิงรุกเพื่อรับมือกับสภาพตลาด โดยมีเป้าหมายปรับลดรายได้ปี 2568 จาก 700 ล้าน เหลือ 650 ล้านบาท และตั้งเป้าปี 2569 เติบโต 20% พร้อมขยายสาขาใหม่ 6-7 สาขา พร้อมมุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้าใหม่ผ่านการจับมือกับพันธมิตร และการตอกย้ำจุดแข็งด้านประสบการณ์การรับประทานที่แตกต่าง
เพื่อสร้างความแตกต่างและขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น Yakiniku Like ได้วางตำแหน่งทางการตลาดเป็น Premium Mass Brand โดยยึดหลักคุณค่าหลักคือ Testy, Quick, Value พร้อมเปิดตัวแคมเปญ Collaboration ครั้งแรกกับ "ฟ้าไทย" แบรนด์เครื่องปรุงอาหารชั้นนำ โดยออกเมนูใหม่ "หม่าล่า" ซึ่งมองว่า หม่าล่าไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่เป็น Normalization ในอาหารที่คนไทยนิยม
ขณะที่จุดขายที่ไม่เหมือนใคร การร่วมมือกันครั้งนี้รวม "ที่สุดของรสชาติซอสหม่าล่า" ที่พัฒนาสูตรสำหรับปิ้งย่างโดยเฉพาะ เข้ากับจุดแข็งของ Yakiniku Like ในเรื่องประสิทธิภาพของการดูดควัน ทำให้ลูกค้าสามารถ "กินหม่าล่าที่ Yakiniku Like ไร้กลิ่นติดตัว" ซึ่งเป็นการ Unlock ประสบการณ์สำหรับผู้บริโภคที่กังวลเรื่องกลิ่นเมื่อต้องไปทำงานหรือพบปะผู้คนต่อ
โดยแคมเปญนี้มีเป้าหมายหลักคือการ Penetrate กลุ่มลูกค้าใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม Household (แม่บ้าน) และกลุ่มครอบครัว ซึ่งเป็นฐานลูกค้าของฟ้าไทย และแตกต่างจากฐานลูกค้าเดิมของ Yakiniku Like ที่เป็นกลุ่ม Young Adult โดยตั้งเป้าการขายแคมเปญไว้ที่ 18-20 %
แบรนด์ยังคงใช้สื่อดิจิทัลเป็นเครื่องมือหลักในการดึงดูดลูกค้า โดยเน้นการใช้ KOL ด้วยนโยบายที่ให้ความสำคัญกับความ จริงใจในการรีวิว และได้ปรับกลยุทธ์บน TikTok ไปสู่การทำรายการ Entertainment เพื่อเข้าถึงคนกลุ่มใหม่และสร้างการรับรู้ชื่อแบรนด์
สำหรับเทรนด์ผู้บริโภคที่น่าจับตา คาดการณ์ว่านอกจาก Normalization ของหม่าล่า แล้ว เทรนด์อาหารจากญี่ปุ่น เช่น มัทฉะ และอาหารเพื่อสุขภาพยังคงมาแรง รวมถึงแนวโน้มการทำ Collaboration กับคาแรคเตอร์ต่าง ๆ และของสะสม (Pop Mart) ซึ่งถือเป็น "อุปกรณ์ฮีลใจ" ให้ผู้บริโภคท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
จะเห็นได้ว่า Yakiniku Like ใช้ นวัตกรรมประสบการณ์ (ไร้กลิ่นติดตัว) และ กลยุทธ์พันธมิตร (Mala Collaboration) เป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ เพื่อสร้างความแตกต่างและขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นเพื่อรับมือกับความท้าทายทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน