'นิตยาไก่ย่าง' ทุบกระปุก ลุยเปิดสาขา-อัพเกรดร้าน ชนตลาดฟู้ด 5.6 แสนล้าน

11 พ.ย. 2568 | 09:10 น.
อัปเดตล่าสุด :12 พ.ย. 2568 | 03:27 น.

ตลาดร้านอาหาร 5.6 แสนล้าน 'นิตยาไก่ย่าง' ปรับกลยุทธ์ ทุบกระปุก ลุยรีโนเวท–ขยายสาขา-วางแผนบุกต่างประเทศ-พัฒนาเดลิเวอรี่ หวังดันรายได้แตะ 1,000 ล้านบาทสิ้นปี

KEY

POINTS

  • นิตยาไก่ย่างทุ่มงบลงทุนขยายสาขาใหม่ 1-2 แห่ง และปรับปรุงสาขาเดิม 3-4 แห่ง โดยใช้งบรีโนเวทเฉลี่ย 10 ล้านบาทต่อสาขา
  • การขยายธุรกิจครั้งนี้เพื่อแข่งขันในตลาดร้านอาหารมูลค่า 5.6 แสนล้านบาท โดยตั้งเป้าสร้างรายได้ให้ถึง 1,000 ล้านบาทในปี 2568
  • กลยุทธ์หลักคือการเลือกทำเลสแตนอโลนในย่านชุมชน พร้อมพัฒนานวัตกรรมเมนูใหม่ และขยายช่องทางเดลิเวอรี่เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภค

นายภเดช กันตจินดา กรรมการบริหารบริษัท นิตยาไก่ย่าง กรุ๊ป จำกัด หรือ ร้าน “นิตยาไก่ย่าง” กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจร้านอาหารในปีนี้ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีมูลค่าราว 5.6 แสนล้านบาท เติบโต 3% ตามข้อมูลของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการขยายตัวมาจากทั้งความต้องการบริโภคอาหารของผู้คนและแรงสนับสนุนจากภาครัฐ รวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว

ธุรกิจร้านอาหารถือเป็นหนึ่งใน “ปัจจัยสี่” ที่อยู่คู่กับวิถีชีวิตของคนไทยมาโดยตลอด แม้ในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ความต้องการบริโภคอาหารนอกบ้านยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับคุณภาพอาหารและประสบการณ์การรับประทานมากขึ้น โดยมักสลับระหว่างร้านขนาดเล็กกับร้านแบรนด์ใหญ่ตามโอกาสและกำลังซื้อ

ขณะเดียวกันโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เช่น “ช้อปดีมีคืน” และ “คนละครึ่งพลัส” ก็มีส่วนช่วยกระตุ้นยอดขายของร้านอาหาร โดยในช่วงที่มาตรการมีผลบังคับใช้ ลูกค้าขอใบเสร็จเพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

 

นายภเดชระบุว่า ความคาดหวังต่อเสถียรภาพทางการเมืองยังเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ผู้ประกอบการจับตา หากปีหน้ามีการเลือกตั้งและได้รัฐบาลที่มีทิศทางชัดเจน จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและเอื้อต่อการขยายตัวของธุรกิจในระยะยาว โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ช่วงเทศกาลปลายปีที่เป็น “ไฮซีซัน” ของการจับจ่าย ร้านอาหารต่างเตรียมพร้อมทั้งในด้านวัตถุดิบ การบริการ และโปรโมชั่น เพื่อรองรับความต้องการที่พุ่งสูงขึ้น

สำหรับแผนธุรกิจช่วงปลายปีนี้และปี 2569 นิตยาไก่ย่างเตรียมขยายสาขาใหม่อีก 1–2 แห่ง และรีโนเวทร้านเดิม 3–4 สาขา โดยมุ่งขยายฐานไปยังจังหวัดในภูมิภาคตะวันออก เช่น ชลบุรี ขณะเดียวกันยังอยู่ระหว่างการออกแบบสาขาใหม่ที่ประชาชื่น และมีแผนขยายไปต่างประเทศซึ่งตอนนี้อยู่ในการศึกษาข้อมูล

นายภเดช กันตจินดา

ปัจจุบันร้านมีทั้งหมด 31 สาขา โดยตลอด 10 เดือนที่ผ่านมาได้เปิดปรับปรุง 3–5 แห่ง  เช่น รังสิต พระนั่งเกล้า และนวมินทร์ เป็นต้น โดยใช้งบประมาณรีโนเวทเฉลี่ยราว 10 ล้านบาทต่อสาขา

นายภเดช ยอมรับว่า ความท้าทายหลักของธุรกิจในขณะนี้คือ “การคัดเลือกทำเล” ที่เหมาะสมกับพฤติกรรมผู้บริโภคในแต่ละพื้นที่ โดยให้ความสำคัญกับสาขาแบบสแตนอโลนที่มีจุดเด่นคือ ที่จอดรถกว้างขวาง การเดินทางสะดวก และตั้งอยู่บนเส้นทางขาออกเมือง ซึ่งผู้คนมีเวลาพักผ่อนและแวะรับประทานอาหารได้มากกว่า

นอกจากนี้ยังเน้นพื้นที่ชุมชนที่มีผู้อยู่อาศัยหนาแน่น มากกว่าย่านออฟฟิศ เนื่องจากกลุ่มครอบครัวหรือเพื่อนใช้เวลารับประทานนานกว่าและมียอดใช้จ่ายต่อโต๊ะสูงกว่า ส่งผลให้อัตราหมุนเวียนโต๊ะเฉลี่ยของร้านสูงถึง 4 เทิร์นต่อวัน

ในด้านกลยุทธ์การตลาดร้านนิตยาไก่ย่างยังมุ่งพัฒนานวัตกรรมอาหารและวัตถุดิบใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภค โดยเก็บข้อมูลความคิดเห็นของลูกค้าและออกเมนูใหม่ทุก 4–6 เดือน เพื่อสร้างประสบการณ์แปลกใหม่

'นิตยาไก่ย่าง' ทุบกระปุก ลุยเปิดสาขา-อัพเกรดร้าน ชนตลาดฟู้ด 5.6 แสนล้าน

นอกจากนี้ยังขยายธุรกิจแคทเทอริ่งสำหรับงานบุญ งานเลี้ยง และงานบริษัท ซึ่งช่วยเพิ่มฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ได้ต่อเนื่อง พร้อมพัฒนา “ช่องทางออนไลน์–เดลิเวอรี่” ให้ครบทุกแพลตฟอร์มหลัก เพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่นิยมสั่งอาหารผ่านแอป

นายภเดช มองว่า ร้านอาหารไทยมีศักยภาพในการเป็น “ซอฟต์พาวเวอร์” ที่ถ่ายทอดอัตลักษณ์ความเป็นไทย โดยเฉพาะอาหารอีสานซึ่งเป็นเมนูที่ “ไม่เคยตกเทรนด์” ลูกค้าหลักของนิตยาไก่ย่างมักมารับประทานกันเป็นครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อน เพราะมองว่าร้านเป็น “เหมือนครัวที่บ้าน” ปัจจุบันสาขาแบบสแตนอโลนมียอดซื้อต่อบิลเฉลี่ย 1,000–1,100 บาท ส่วนสาขาในห้างสรรพสินค้าซึ่งเน้นกลุ่มวัยทำงานและนักศึกษา มียอดเฉลี่ย 800–1,000 บาท

นอกจากนี้ บริษัทได้ทำระบบสมาชิกมาแล้วกว่า 3 ปี มีสมาชิกกว่า 200,000 ราย และตั้งเป้าเพิ่มเป็น 250,000 รายภายในสิ้นปี เพื่อสร้างฐานลูกค้าประจำและเพิ่มโอกาสการซื้อซ้ำ ขณะที่รายได้ของนิตยาไก่ย่างในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาเติบโตอย่างต่อเนื่องจาก 628 ล้านบาทในปี 2564 เป็น 986 ล้านบาทในปี 2567 หรือเติบโต 56.9% โดยปี 2568 ตั้งเป้ารายได้แตะ 1,000 ล้านบาท