ภาคเอกชนชื่นชม “อนุทิน” เคลื่อนนโยบายเร็ว ตรงจุด ช่วยพยุง SME ปลายปี

22 ต.ค. 2568 | 01:52 น.
อัปเดตล่าสุด :22 ต.ค. 2568 | 02:40 น.

ภาคเอกชนยกนิ้ว “รัฐบาลอนุทิน” รับฟังข้อเสนอเอกชนจริงจัง เดินหน้านโยบายคนละครึ่ง ลดหย่อนภาษีท่องเที่ยว ตามข้อเสนอ 7 ข้อ หวังพยุงธุรกิจร้านอาหาร–ท่องเที่ยว ฝ่าวิกฤติปลายปี

KEY

POINTS

  • ภาคเอกชนกลุ่มธุรกิจร้านอาหารและท่องเที่ยวชื่นชมรัฐบาลที่นำข้อเสนอไปปฏิบัติและออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว
  • นโยบายสำคัญที่นำมาใช้ ได้แก่ โครงการคนละครึ่ง และมาตรการลดหย่อนภาษีจากการใช้จ่ายในร้านอาหารและการท่องเที่ยว
  • มาตรการเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือพยุงผู้ประกอบการ SME และกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ

นาย สรเทพ โรจน์พจนารัช ประธานชมรมผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหารและที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมโฮสเทลประเทศไทย กล่าวว่า ตามที่ ชมรมได้เสนอนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจไป 7 ข้อกับทางนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ที่พรรคภูมิใจไทยเมื่อเดือนที่แล้ว

ซึ่งต้องขอขอบคุณรัฐบาลนายกอนุทินและคณะ ที่รับข้อเสนอและนำไปทำจริงโดยออกเป็นมาตราการแบบรวดเร็วเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหารและธุรกิจท่องเที่ยวซึ่งอาจจะไม่ได้ตรงตามที่เสนอไปทั้งหมดแต่ก็ยังได้รับการตอบรับออกมาแบบรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น โครงการคนละครึ่งที่ตนเรียกร้องมาสองปีแล้วจนกระทั้งมาถึงรัฐบาลนี้ที่เข้ามาถึงก็เร่งออกมาตราการทันที

ซึ่งผมเคยบอกแล้วว่ามาตรการนี้จะสามารถช่วยพยุงผู้ประกอบการธุรกิจระดับรากหญ้าได้อย่างน้อยเพิ่มยอดขายไม่ต่ำกว่า 1.8 ถึง 2.5 เท่ารวมถึงจะช่วยพยุงห่วงโซ่ซัพพลายเชนซึ่งอยู่ในธุรกิจร้านอาหารกว้างมากไม่ว่าจะเป็นตลาดสดแม่ค้าสินค้าการเกษตรต่างๆหรือแม้แต่กระทั่งขนส่งที่คอยขนส่งวัตถุดิบจากตลาดมาร้านอาหารและที่สำคัญยังช่วยลดค่าใช้จ่ายค่าอาหารของบุคคลทั่วไปในแต่ละวันได้ด้วย

ซึ่งตอนแรกทางชมรมได้เรียกร้องไปให้ใช้ได้กับธุรกิจร้านอาหารทุกประเภทแต่ติดเรื่องงบประมาณจึงทำให้ร้านอาหารที่เป็นนิติบุคคลได้รับอานิสงส์เพียงแค่เป็นนาโน SMEs 
แต่ถึงกระนั้นทางชมรมยังมีการเสนอนโยบายในข้อที่2.ด้วยการเสนอนโยบายกระตุ้นการใช้จ่ายให้กับธุรกิจร้านอาหารโดยไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณด้วยการให้ลูกค้าสามารถเก็บใบกำกับภาษีจากร้านอาหารที่เป็นนิติบุคคลทุกประเภทเพื่อนำไปลดหย่อนภาษีบุคคลได้ในปีถัดไปไม่เกิน 20,000 บาท

นาย สรเทพ โรจน์พจนารัช

ซึ่งวันนี้ทาง ครม ได้อนุมัติออกมาโดยแบ่งออกมาเป็นสองประเภทคือ 10,000 บาทแรกลูกค้าสามารถใช้ใบกำกับภาษีจากร้านอาหารแบบใดก็ได้และหากอยากได้ลดหย่อนภาษีเพิ่มอีก 10,000 บาทสามารถขอใบกำกับภาษีจากร้านอาหารโดยเป็นเฉพาะ E receipt เท่านั้น ได้อีก 

 

3. การกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศซึ่งทางชมรมได้เสนอไปว่าควรจะมีการกระตุ้นการท่องเที่ยวในไตรมาสสุดท้ายของปีเพื่อให้คนไทยหรือบริษัทห้างร้านได้ออกมาท่องเที่ยวและจัดประชุมสัมมนาให้มากขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายซึ่งวันนี้ทาง ครม ได้อนุมัติออกแล้วเช่นกันโดยใช้มาตราการลดหย่อนภาษีเช่นกัน 

ต้องบอกว่าผลตอบรับจากนโยบายควิกวินทั้งหมดที่ออกมาได้รับผลตอบรับอย่างมากโดยดูจากจำนวนผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิ์โครงการคนละครึ่งใช้เวลาไม่เกินสองวันเกือบจะใช้สิทธิ์หมดหรือแม้กระทั่งร้านอาหารซึ่งไม่นึกว่าจะมีการลงทะเบียนเข้าร่วมจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นจากร้านค้าเก่าหรือร้านค้าใหม่รวมถึงได้มีการขยายให้ใช้สิทธิ์ได้สำหรับร้านที่ทำผมทำเล็บ

สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์และสภาพเศรษฐกิจ ณ วันนี้ของประเทศไทยทั้งหนี้ครัวเรือนและรายได้แต่ละครัวเรือนสาหัสสากรรจ์กันมากรวมถึงธุรกิจร้านอาหารซึ่งได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจมาแต่ปี 2567 จนถึงณวันนี้ หวังว่าจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นนี้จะพอช่วยประคองภาคธุรกิจร้านอาหารและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้ใน 2 เดือนสุดท้ายของปี 2568 อันโหดร้ายนี้ได้