KEY
POINTS
เทรนด์ ‘K-Food’ ยังร้อนแรงและเป็นสนามการค้าที่ผู้ประกอบการไทยให้ความสนใจ ในยุคที่วัฒนธรรมเกาหลีกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของคนไทย ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์ เพลง K-Pop หรือแฟชั่น เทรนด์ ‘K-Food’ ก็เติบโตแบบก้าวกระโดดเช่นเดียวกัน
โดยเฉพาะหมวดหมู่ ร้านอาหารเกาหลี ที่จากเดิมเคยเป็น “ร้านเฉพาะกลุ่ม” ปัจจุบันกลับขยายตัวสู่ตลาดแมสอย่างรวดเร็ว หนึ่งในผู้เล่นที่ถูกจับตามองคือ “มีทชั่น กรุ๊ป” (Meation Group) ผู้นำธุรกิจร้านอาหารเกาหลี ที่ประกาศเดินหน้ารุกตลาดเต็มกำลัง เร่งขยายสาขา ปั้นแบรนด์ใหม่เสริมพอร์ตธุรกิจ แม้ภาวะเศรษฐกิจยังทำให้ผู้บริโภคใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง
นายธนวัฒน์ ทองเจริญเกียรติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีทชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (Meation Group) เปิดเผยว่า บริษัทนำเข้าแบรนด์แฟรนไชส์ระดับโลกจากเกาหลีใต้ พร้อมต่อยอดสร้างแบรนด์ในเครือเอง เพื่อสร้างระบบธุรกิจที่ยั่งยืนและครบวงจรในระยะยาว ภายใต้พอร์ตแบรนด์ของ มีทชั่น กรุ๊ป
ครอบคลุมร้านอาหารเกาหลีชื่อดัง อาทิ SAEMAEUL SIKDANG (แซมาอึลชิกตัง) ร้านปิ้งย่างเกาหลีชื่อดัง เมนูซิกเนเจอร์ “ซุปกิมจิ 7 นาที” และหมูย่างเตาถ่าน BHC Chicken ร้านไก่ทอดเกาหลีเบอร์หนึ่งของเกาหลี Solsot (โซลสท) ร้านอาหารสไตล์เกาหลี เมนูข้าวอบท็อปปิ้งญี่ปุ่น Saemaeul Express คอนเซ็ปต์ใหม่แบบเร่งด่วน เพื่อเข้าถึงลูกค้ากลุ่มพนักกงานออฟฟิศ คนเมืองที่เร่งรีบ โดยตั้งเป้าหมายที่จะขยายครบ 40 สาขาภายในสิ้นปี 2568 ได้แก่ SAEMAEUL SIKDANG 18 สาขา ,Saemaeul Express 4 สาขา BHC Chicken — 14 สาขา Solsot 4 สาขา
“เราไม่ได้มองว่าธุรกิจร้านอาหารเกาหลีเป็นเพียงกระแสชั่วคราว แต่เป็นเทรนด์ที่ขับเคลื่อนด้วย Soft Power อย่างแท้จริง โดยโฟกัสพื้นที่ใหม่ โดยเฉพาะย่านออฟฟิศและศูนย์การค้าที่เรายังไม่มีแบรนด์ เพื่อขยายฐานลูกค้าและครองตลาดอย่างยั่งยืน”
K-Food กลายเป็นหนึ่งในเทรนด์อาหารที่เติบโตเร็วที่สุดในไทย โดยได้รับแรงส่งจากกระแส K-Pop ซีรีส์เกาหลี และคอนเทนต์วัฒนธรรม ทำให้ผู้บริโภคคุ้นเคยกับแบรนด์ตั้งแต่ยังไม่เดินเข้าร้าน ประเทศไทยถือเป็นตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดของ SAEMAEUL SIKDANG และเป็นประเทศแรกที่ได้รับสิทธิ์ “มาสเตอร์แฟรนไชส์” จาก The Bondphoria เจ้าของแบรนด์ต้นตำรับเกาหลีใต้ที่ก่อตั้งโดยเชฟชื่อดัง เชฟแพคจงวอน (Baek Jong-won) เชฟชาวเกาหลีใต้ เพื่อสร้างการเติบโตระยะยาวมีทชั่น กรุ๊ป วางพอร์ตแบรนด์ให้ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้า ลดความเสี่ยงทางธุรกิจและกระจายรายได้อย่างสมดุล
“เราต้องบาลานซ์ระหว่างแบรนด์หลักที่มั่นคงกับแบรนด์ใหม่ที่สร้างความตื่นเต้นให้ตลาด”
นายธนวัฒน์ ยังกล่าวอีกว่า ในปี 2567 บริษัทมียอดขายประมาณ 969 ล้านบาท โดยมาจาก SAEMAEUL SIKDANG 570 ล้านบาท ,BHC Chicken 199 ล้านบาทและ Solsot 200 ล้านบาท ซึ่งในปี 2568 คาดว่าจะมียอดขายราว 1,200-1,500 ล้านบาท หลังจากที่เปิดตัวแบรนด์ใหม่และขยายสาขาเพิ่มขึ้น โดยกลยุทธ์การทำตลาดหลักไม่ได้พึ่งการขยายสาขาเพียงอย่างเดียว แต่ยังเน้นเพิ่มประสิทธิภาพของสาขาเดิม ควบคุมต้นทุน และพัฒนาเมนูใหม่เพื่อดึงดูดลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
แม้ปัจจุบันจะเน้นแฟรนไชส์จากเกาหลี แต่ มีทชั่น กรุ๊ปมีแผนเพิ่มสัดส่วนแบรนด์ที่พัฒนาเอง เพื่อสร้างมูลค่าในระยะยาวและลดการพึ่งพาแฟรนไชส์เพียงอย่างเดียว โดยในปี 2569 บริษัทเตรียมรุกตลาดอาหารญี่ปุ่นและขนมหวาน เพื่อขยายฐานลูกค้าและครอบคลุมเซ็กเมนต์ใหม่ๆ
“ความท้าทายไม่ใช่เพียงการขยายสาขา แต่คือการสร้างความคุ้มค่าและประสบการณ์เหนือความคาดหวังของลูกค้า ซึ่งวันนี้ไม่ได้จ่ายน้อยลง แต่เขาเลือกมากขึ้น ถ้าราคากับคุณภาพไม่สมดุล เขาก็จะไม่กลับมา เราจึงต้องสร้างความคุ้มค่าและความประทับใจให้ได้ทุกครั้ง”