นาย อรรถวุฒิ นิธิกอบกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท เพลิคาน่า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลาดร้านอาหารไทยในปี 2568 มีมูลค่าสูงถึง 572,000 ล้านบาท เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มร้านอาหารบริการด่วน (QSR) ที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย ส่วนตลาดไก่ทอดในประเทศไทยมีมูลค่า 30,000 ล้านบาท และเติบโตอย่าง 8% ต่อปี อ้างอิงจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย
สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมของผู้บริโภคชาวไทยที่มีต่อไก่ทอด ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีสำหรับ "เพลิคาน่า" ที่มีชื่อเสียงในด้านไก่ทอดระดับพรีเมียมจากเกาหลี เข้ามาตักตวงส่วนแบ่งตลาดในประเทศไทย และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มองหาความหลากหลายและรสชาติใหม่ๆ
แม้ว่า KFC จะครองส่วนแบ่งตลาดไก่ทอดในไทยถึง 52% แต่ตลาดยังคงเปิดกว้างสำหรับแบรนด์ใหม่ๆ ที่มีความแตกต่างและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มต่างๆ เพลิคาน่า ด้วยประสบการณ์และความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ มองว่ามีศักยภาพที่จะเข้ามาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้บริโภคชาวไทย
นาย อรรถวุฒิ กล่าวต่อว่า เพลิคาน่า ไม่ใช่แบรนด์ใหม่ในตลาดไก่ทอด ด้วยประสบการณ์กว่า 40 ปี และการเป็นที่รู้จักในฐานะ King of Chicken ของเกาหลี
การเปิดสาขาแรกของเพลิคาน่าที่สยาม สเคป ชั้น 3 ใจกลางสยามสแควร์ บนพื้นที่ 100 ตารางเมตร ใช้งบลงทุน 10 ล้านบาท ถือเป็นก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจในประเทศไทย หลังจากประสบความสำเร็จในหลายประเทศทั่วโลก
และได้ขยายธุรกิจไปทั่วโลกกว่า 3,000 สาขาในเกาหลี สหรัฐอเมริกา แคนาดา อังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ไต้หวัน มาเลเซีย และจีน โดยบริษัทได้เซ็นสัญญาเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในประเทศไทยเพียงผู้เดียวในระยะเวลา 5 ปี
เหตุผลในการเลือกเปิดร้านเพลิคาน่าในสยามสเคป เพราะเป็นทำเลที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายหลักของแบรนด์ นั่นคือกลุ่ม Gen Z และ Gen Alpha เนื่องจากสยามสเคปเป็นศูนย์รวมของนักเรียน มีนักเรียนจากโรงเรียนนานาชาติและสถาบันกวดวิชาต่างๆ รวมกันมากกว่า 8,000 คน ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่พร้อมจะเปิดรับสิ่งใหม่ๆ และมีกำลังซื้อสูง
โดยกลุ่ม Gen Z มีความอิสระในการใช้จ่าย และกลุ่ม Gen Alpha ก็ได้รับการสนับสนุนด้านการเงินจากผู้ปกครอง ทำให้ทั้งสองกลุ่มมีกำลังซื้อ โดยเฉลี่ยแล้วนักเรียนในสยามสเคปมีค่าใช้จ่ายส่วนตัวอยู่ที่ราว 500-1,000 บาทต่อวัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพในการบริโภค
จากเหตุผลดังกล่าวสยามสเคปเป็นทำเลที่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างตรงจุด และมีโอกาสที่จะสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดี เนื่องจากกลุ่ม Gen Z และ Gen Alpha ถือเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในปัจจุบัน
นอกจากนี้บริษัทมีแผนที่เจาะตลาดหลักในกรุงเทพมหานคร ในศูนย์การค้าชั้นนำต่างๆ เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าหลักในกลุ่ม Gen Y ช่วงต้นๆ กลุ่ม First Jobber และคนทำงานรุ่นใหม่อายุ 22-30 ปี และแฟนคลับของซีรีส์เกาหลี แฟนคลับศิลปิน K-Pop ทุกเพศทุกวัย รวมถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวเอเชีย ที่มีกำลังซื้อเป็นลูกค้าเป้าหมายด้วยเช่นกัน
สำหรับเป้าหมายในปีนี้จะขยายเพิ่ม 5 สาขา ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ราว 100 ล้านบาท แบ่งเฉลี่ยสาขาละ 20-30 ล้านบาท ส่วนแผนในปี 2569 เป็น 20 สาขา และตั้งเป้าธุรกิจ 3 ปีจะมีรายได้รวมราว 500 ล้านบาท และมีส่วนแบ่งตลาดราว 2.5 % ของตลาดไก่ทอด ส่วนงบลงทุนในปีนี้ 50- 80 ล้านบาท
ในอนาคตจะเปิดบริการ Delivery ผ่านทาง Platform คือ Grab, Lineman, Robinhood และมีแผนจะขยาย CLOUD Kitchen เพื่อขยายพื้นที่การให้บริการได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น อีกทั้งสร้างแบรนด์ Pelicana โดยใช้กลยุทธ์การสร้างแบรนด์แบบ “Word-of- Mouth” ด้วย Social Media, Viral Marketing & PR เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าแต่ละกลุ่มอย่างมีประสิทธิภาพ