คิกออฟ “มหกรรมหนังสือระดับชาติ” นักอ่านแห่ช้อป 1.3 ล้านคน เงินสะพัดกว่า 400 ล้านบาท

25 ก.ย. 2568 | 22:31 น.

PUBAT คิกออฟ “มหกรรมหนังสือระดับชาติ” ครั้งที่ 30 สำนักพิมพ์แห่เข้าร่วมกว่า 400 แห่ง รวมกว่า 900 บูธ ขายหนังสือกว่า 2 ล้านเล่ม พร้อมเปิดตัวปกใหม่กว่า 2,000 ปก คาดมีคนเข้างานกว่า 1.3 ล้านคน เม็ดเงินสะพัดกว่า 400 ล้านบาท

KEY

POINTS

  • งานมหกรรมหนังสือระดับชาติคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 1.3 ล้านคน และสร้างยอดขายสะพัดกว่า 400 ล้านบาท
  • จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-19 ตุลาคม 2568 ณ ศูนย์ฯ สิริกิติ์ โดยมีสำนักพิมพ์กว่า 400 แห่ง และเปิดตัวหนังสือใหม่มากกว่า 2,000 ปก
  • ชูแนวคิด “Melody of Books” ขยายขอบเขตการรับรู้สู่สื่อรูปแบบอื่นนอกจากการอ่าน เช่น หนังสือเสียง พร้อมกิจกรรมกว่า 100 รายการเพื่อดึงดูดนักอ่าน

นายณัฐกร วุฒิชัยพรกุล นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า งานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 30 หรือ Book Expo Thailand 2025 เป็นอีเว้นท์ใหญ่ที่สำนักพิมพ์และนักอ่านรอคอย ซึ่งการจัดงานที่ผ่านมาประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยเฉพาะการจัดงานภายใต้แนวคิดต่างๆ ทำให้มีสีสัน และมีรูปแบบที่โดดเด่นขึ้น

ดังนั้นในงานมหกรรมหนังสือฯ ครั้งนี้ จึงเกิดขึ้นภายใต้แนวคิด “Melody of Books - อ่านหรือยัง ฟังหรือเปล่า” เพื่อเป็นการขยายขอบเขตของการเสพสื่อ การหาความรู้ และความบันเทิงจากหลากหลายมิติที่ผสานร่วมกัน ไม่ใช่แค่จากการอ่านเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการรับรู้ผ่านช่องทางต่างๆในโลกยุคปัจจุบัน ที่สามารถเลือกอ่านหนังสือ หรือจะฟังเรื่องราวจากหนังสือผ่านพอดแคสต์ หรือออดิโอบุ๊ก

“ปัจจุบันหนังสือไม่ได้มีเฉพาะรูปเล่มเท่านั้น แต่ยังถูกแปลงไปเป็นรูปแบบอื่น ๆ ด้วย เช่น หนังสือเสียง ฯลฯ รวมไปถึงการนำเสนอในหลากแพลตฟอร์ม เช่น พอดแคสต์หรือออดิโอบุ๊ก การจัดงานมหกรรมหนังสือฯ ในครั้งนี้ ภายใต้แนวคิด “Melody of Books - อ่านหรือยัง ฟังหรือเปล่า” จึงมุ่งขยายขอบเขตของการเสพสื่อ การหาความรู้ และความบันเทิงจากหลากหลายมิติที่ผสานร่วมกัน ไม่ใช่แค่จากการอ่านเท่านั้น”

สำหรับการจัดงานในครั้งนี้มีสำนักพิมพ์และบริษัทชั้นนำเข้าร่วมจำหน่ายกว่า 900 บูธ จาก 400 สำนักพิมพ์จำหน่ายหนังสือกว่า 2 ล้านเล่ม พร้อมกับการเปิดตัวหนังสือปกใหม่อีกกว่า 2,000 ปก โดยจัดสรรพื้นที่ออกเป็น 6 โซน ได้แก่ 1.โซนหนังสือนิยายและวรรณกรรม 2.โซนหนังสือทั่วไป 3.โซนหนังสือเก่า 4.โซนหนังสือเด็กและการศึกษา

คิกออฟ “มหกรรมหนังสือระดับชาติ” นักอ่านแห่ช้อป 1.3 ล้านคน เงินสะพัดกว่า 400 ล้านบาท

5.โซนหนังสือการ์ตูนและวัยรุ่น, และ 6.โซน NON BOOK และบอร์ดเกม นอกจากนี้สมาคมฯ ยังร่วมกับกรมส่งเสริมวัฒนธรรม, คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านหนังสือ คณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ร่วมจัดนิทรรศการ, กิจกรรมบนเวที และอบรมสัมมนา รวมกว่า 100 รายการ

อาทิ นิทรรศการ View ’til Touch : นิทรรศการอินเทอร์แอคทีฟที่ชวนให้ผู้เข้าชมมีส่วนร่วมกับ “หนังสือที่กลายเป็นเพลง” และ “เพลงที่กลับกลายเป็นหนังสือ”, Read for The Blind : นิทรรศการที่จัดขึ้นเพื่อประชาสัมพันธ์และเผยแพร่การอ่านหนังสือแบบเสียงให้กับ “ผู้พิการทางสายตา”, Little Read Universe: Playful Reading จักรวาลอ่านเล่นเล่น : นิทรรศการส่งเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

เล่นสนุกกับเจ้าขุนทอง : ครั้งแรก! กับการแสดงของ “เจ้าขุนทองและผองเพื่อน” พบกับการแสดงดนตรีสดผสมผสานการแสดงหุ่นมือ โดยนำเสนอศิลปะที่มีความหลากหลาย เช่น ดนตรี การร้อง การเล่านิทาน ละคร และการเคลื่อนไหว

Author’s Salon (A02) : เวทีสัมมนา ที่เปิดพื้นที่ให้กับนักเขียนอิสระ นักเขียนทุกประเภท รวมถึงผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ ได้มีโอกาสนำเสนอผลงาน แบ่งปันองค์ความรู้ แนวคิด และประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์แก่นักอ่านพบปะพูดคุยระหว่างนักเขียนและนักอ่าน, Book Symposium : การสัมมนาแลกเปลี่ยนความรู้ ระหว่างภาคส่วนต่างๆ ของวัฒนธรรมหนังสือในประเทศไทย

PUBAT CONTEST : พบกับ การประกวดเล่านิทาน การประกวดแต่งเพลง “ส่งเสริมการอ่าน” และ การแข่งขันโต้วาที ในระดับมัธยมศึกษา โดยมีกูรูในวงการโต้วาทีอย่าง คุณกรรณิการ์ ธรรมเกสร,อ.อภิชาติ ดำดี, อ.พะเยาว์ พัฒนพงศ์ ร่วมเป็นกรรมการ เป็นต้น

คิกออฟ “มหกรรมหนังสือระดับชาติ” นักอ่านแห่ช้อป 1.3 ล้านคน เงินสะพัดกว่า 400 ล้านบาท

“แม้ปัจจุบันสภาพเศรษฐกิจจะมีความท้าทายในการผลักดันยอดขายและดึงดูดให้ผู้เข้าร่วมงาน แต่เชื่อว่าด้วยรูปแบบการจัดงาน ที่มีกิจกรรมหลากหลาย รวมถึงการเปิดตัวหนังสือใหม่ที่มีมากกว่า 2,000 ปก จะเป็นแรงดึงดูดให้นักอ่านเข้ามาเลือกซื้อหนังสือมากขึ้น โดยงานมหกรรมหนังสือฯจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 9 - 19 ตุลาคม 2568 ณ ฮอลล์ 5 - 7 ชั้น LG ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ รวมระยะเวลา 11 วัน คาดว่าจะมีผู้สนใจเข้าร่วมงานและเลือกซื้อหนังสือกว่า 1.3 ล้านคน และมียอดขายกว่า 400 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 5-10%”

นายณัฐกร กล่าวอีกว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมหนังสือ ต้องเผชิญกับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการอ่านและสภาวะเศรษฐกิจที่ยากลำบาก สิ่งสำคัญวันนี้คือ ต้องสร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจหนังสือในประเทศ ต้องส่งเสริมให้สมาชิกสำนักพิมพ์ต่างๆ ปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล พร้อมยกระดับอุตสาหกรรมหนังสือไทยให้เติบโตและยั่งยืนในระยะยาว

“คนไทยส่วนใหญ่ยังคงเห็นการอ่านหนังสือเป็นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการสอบหรือการศึกษามากกว่าความสนุกสนาน แต่เราเชื่อว่าการส่งเสริมการอ่านสามารถทำให้คนไทยมีพฤติกรรมการอ่านที่ดีขึ้น ขณะที่บทบาทของภาครัฐก็มีส่วนช่วยอย่างมาก เมื่อเปรียบเทียบกับในต่างประเทศ ถือว่ายังมีสัดส่วนที่น้อย ดังนั้นจึงอยากเสนอแนะให้รัฐบาลเพิ่มงบประมาณในการซื้อหนังสือเข้าห้องสมุดทั่วประเทศ เพื่อให้ราคาหนังสือถูกลง และกระตุ้นให้ห้องสมุดมีหนังสือใหม่ๆ ที่น่าสนใจ”

คิกออฟ “มหกรรมหนังสือระดับชาติ” นักอ่านแห่ช้อป 1.3 ล้านคน เงินสะพัดกว่า 400 ล้านบาท

ทั้งนี้อุตสาหกรรมหนังสือยังเป็นหนึ่งใน Soft Power ของประเทศ รัฐบาลจึงจำเป็นจะต้องสนับสนุนและส่งเสริมผู้ประกอบการให้สามารถแข่งขันและขับเคลื่อนในอุตสาหกรรมได้ ซึ่งวันนี้นอกจากหนังสือที่ได้รับการยอมรับและถูกนำไปแปลเป็นภาษาต่างๆ อย่างแพร่หลายในต่างประเทศแล้ว ยังมีการซื้อลิขสิทธิ์ไปจัดทำเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ สารคดี ที่หลากหลายมากมาย

โดยที่ผ่านมาสมาคมได้ผลักดันให้มีการซื้อขายลิขสิทธิ์ (Rights Trading Center) ไปแล้วคิดเป็นมูลค่ากว่า 60 ล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 100 ล้านบาทภายใน 3 ปี พร้อมทั้งส่งเสริมการแปลผลงานเป็นภาษาอังกฤษเพื่ออำนวยความสะดวกในการขายลิขสิทธิ์ไปยังต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านการซื้อขายลิขสิทธิ์ในเอเชีย ดังนี้หากรัฐบาลช่วยสนับสนุนและส่งผลก็จะเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมไทยให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนในด้านดิจิทัลและการพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อเข้าถึงนักอ่านในยุคใหม่ด้วย

 

หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,134 วันที่ 25 - 27 กันยายน พ.ศ. 2568