KEY
POINTS
นางสาวพราวนรินทร์ เรืองฤทธิเดช กรรมการบริหารแบรนด์ชาตรามือ กล่าวว่า ตลาดชาไทยในประเทศไทยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีคู่แข่งทั้งแบรนด์ไทยและต่างชาติที่เข้ามาแข่งขันอย่างเข้มข้น การแข่งขันที่สูงทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวอย่างต่อเนื่อง พัฒนาผลิตภัณฑ์ และสร้างความแตกต่างเพื่อดึงดูดผู้บริโภค
ชาตรามือสามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดรวมประมาณ 50% ของตลาดชาไทยได้อย่างมั่นคง นับเป็นตัวเลขที่สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์และความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
สำหรับปีนี้แบรนด์ตั้งเป้ายอดขายเติบโตราว 20% ลดลงจากเป้าเดิม 30% เนื่องจากความท้าทายจากสภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวน ทั้งกำลังซื้อของผู้บริโภคในประเทศและการแข่งขันในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะการขยายสาขาและการจัดจำหน่ายสินค้าในต่างประเทศซึ่งมีต้นทุนการดำเนินงานสูง การรักษาฐานลูกค้าเดิมและสร้างลูกค้าใหม่จึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโตและรักษาความได้เปรียบทางการแข่งขัน
อีกหนึ่งความท้าทายสำคัญคือ ต้นทุนวัตถุดิบหลัก อย่างใบชาที่มาจากแหล่งปลูกคุณภาพสูงในเชียงใหม่และเชียงราย ราคาวัตถุดิบมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นตามต้นทุนการผลิต พลังงาน และค่าขนส่ง โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาพลังงานและค่าแรงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
แม้ว่าต้นทุนเหล่านี้จะส่งผลต่อราคาขายสินค้า แบรนด์เลือกให้ความสำคัญกับเกษตรกรต้นน้ำ ด้วยการจ่ายค่าตอบแทนที่เหมาะสมและต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นคงทางรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับเกษตรกร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การสร้างความยั่งยืนของซัพพลายเชนและการรักษาคุณภาพใบชาที่เป็นเอกลักษณ์
ความแข่งขันในตลาดยังทำให้ชาตรามือต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคในหลายด้าน ทั้งรสชาติ การบรรจุภัณฑ์ และรูปแบบการบริโภค เช่น การขยายเครื่องดื่มพร้อมดื่ม (Ready-to-drink) และการสร้างเมนูพิเศษร่วมกับพาร์ทเนอร์ เพื่อให้ผู้บริโภคได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ของชาไทย การปรับตัวนี้ช่วยเสริมความแข็งแกร่งของแบรนด์และสร้างโอกาสทางธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ในด้านแผนธุรกิจ ชาตรามือเน้นการเติบโตทั้งในและต่างประเทศ โดยใช้ชาไทยเป็นหัวใจหลัก พร้อมต่อยอดเป็นเครื่องดื่มพร้อมดื่มและขนมไทยพิเศษ แบรนด์ตั้งเป้าขยายสาขาในประเทศให้ครบ 240–250 แห่ง ครอบคลุมกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่ต่างจังหวัด ขณะที่สาขาต่างประเทศอยู่ราว 130–140 แห่ง กระจายไปยังหลายประเทศในเอเชีย ยุโรป และอเมริกา
กลยุทธ์สำคัญของชาตรามือคือการ ร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ทั้งเก่าและใหม่ พาร์ทเนอร์เดิมที่เคยร่วมงานจะปรับสูตรและเมนูให้เหมาะกับงานเฉพาะกิจ ขณะที่พาร์ทเนอร์ใหม่ที่มีความสนใจในสินค้าเข้าร่วมพัฒนาเมนูด้วยกัน ทั้งสองฝ่ายทำงานร่วมกันหลายเดือนเพื่อสร้างเมนูที่ผสมผสานเอกลักษณ์ของพาร์ทเนอร์กับชาไทยของชาตรามือ เมนูพิเศษเหล่านี้สามารถจำหน่ายต่อที่สาขาของพาร์ทเนอร์แต่ละรายจนถึงสิ้นปี ไม่จำหน่ายที่ร้านชาตรามือโดยตรง
ตัวอย่างของกลยุทธ์นี้คือ งานเฉลิมฉลองครบรอบ 80 ปี ระหว่างวันที่ 19–21 กันยายน ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งร่วมมือกับ 10 แบรนด์พาร์ทเนอร์ชั้นนำ ได้แก่
1.After You: ขนมปังเนยโสดชาไทย
2.Holiday Pastry: ชีสทาร์ตโมจิชาไทย
3.Kaew Boutique: ขนมชั้นชาไทย โรลมะพร้าวอ่อนสังขยาชาไทย และพุดดิ้งชาไทยมะพร้าวนมสด
4.Layers: Thai Tea Layer Cake
5.Moone: โรลเค้กชาไทย
6.Plantae: สลัชชี่โปรตีนชาไทย
7.Souri: มาการองชาไทย
8.Yole: Yogurt Shake Thai Tea
9.ถิงถิง: บัวลอยงาดำน้ำชาไทย และบิงซูชาไทย
10.น้ำเต้าหู้ปูปลา: ซอฟเสิร์ฟชาไทยงาดำ และน้ำเต้าหู้ชาไทย
ทุกเมนูที่นำเสนอเป็นสูตรพิเศษ ไม่เหมือนกับที่จำหน่ายตามหน้าร้านทั่วไป ในงานนี้มีคุณวิน เมธวิน เจ้าของแบรนด์มาการองพาร์ทเนอร์มาร่วมเปิดงาน โดยมาการองสูตรพิเศษของเขาใช้ชาไทยของชาตรามือเป็นส่วนประกอบและปรับสูตรเฉพาะงาน
ระยะยาว ชาตรามือมุ่งขยายตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่มีศักยภาพด้านการบริโภคชา พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์เข้าถึงครัวเรือน ผ่านเครื่องดื่มพร้อมดื่มและเมนูพิเศษร่วมกับพาร์ทเนอร์ในทุกตลาด จุดแข็งสำคัญอยู่ที่ การจัดการพาร์ทเนอร์อย่างเป็นระบบ ทำให้สามารถสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่และผลักดันชาไทยสู่ตลาดโลกได้อย่างต่อเนื่อง