โปรดเกล้าฯ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2568 อีก 60 บังคับใช้

10 ก.ย. 2568 | 08:29 น.
อัปเดตล่าสุด :10 ก.ย. 2568 | 08:35 น.

พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ตรา พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2568 เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน จ่อใช้บังคับเมื่อพ้น 60 วันนับแต่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา

KEY

POINTS

  • โปรดเกล้าฯ ตราพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 โดยจะมีผลบังคับใช้ในอีก 60 วันนับจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
  • มีการแก้ไขนิยามคำว่า "เครื่องดื่มแอลกอฮอล์" และ "การสื่อสารการตลาด" ให้ครอบคลุมและรัดกุมยิ่งขึ้น
  • เพิ่มหมวดการโฆษณาและกำหนดบทลงโทษใหม่ที่เข้มงวดขึ้นสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมาย
  • ยกเลิกประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 253 และคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 22/2558 ในข้อที่เกี่ยวข้อง เพื่อปรับปรุงกฎหมายให้เป็นปัจจุบัน

วันที่ 9 กันยายน 2568 – เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ พระบรมราชโองการ ประกาศให้ตรา พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 โดย พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงลงพระปรมาภิไธย ณ วันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2568 ซึ่งเป็นปีที่ 10 แห่งรัชกาลปัจจุบัน   .

โดยพระราชบัญญัตินี้ระบุว่า มาตรการบางประการมีการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล แต่เป็นไปตามมาตรา 26 ประกอบกับมาตรา 33, 34, 35, 37 และ 40 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งให้ทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย โดยมีเจตนาปรับปรุงกฎหมายให้มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน   .

สาระสำคัญตามมาตราในพระราชบัญญัติ (ฉบับที่ 2)

โปรดเกล้าฯ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2568 อีก 60 บังคับใช้

 • มาตรา 1: กำหนดชื่อพระราชบัญญัติว่า “พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568”   

 • มาตรา 2: ให้พระราชบัญญัตินี้มีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 60 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา   

 • มาตรา 3: ยกเลิกประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 253 (16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2515) และยกเลิกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 22/2558 (เฉพาะข้อ 6) ลงวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

 • มาตรา 4: แก้ไขนิยามคำว่า “เครื่องดื่มแอลกอฮอล์” ในมาตรา 3 ของพระราชบัญญัติ พ.ศ. 2551 ให้หมายรวมวัตถุหรือของผสมที่มีแอลกอฮอล์ซึ่งดื่มได้ หรือผสมแล้วสามารถดื่มได้ ยกเว้นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ไม่เกิน 0.5 ดีกรี, ยา, ผลิตภัณฑ์สมุนไพร, วัตถุออกฤทธิ์ และยาเสพติดให้โทษตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

 • มาตรา 5: แก้ไขนิยามคำว่า “การสื่อสารการตลาด” ในมาตรา 3 ของ พ.ร.บ. พ.ศ. 2551 ให้ครอบคลุมการประชาสัมพันธ์, การเผยแพร่ข่าวสาร, การส่งเสริมการขาย, การแสดงสินค้า, การจัดหรือสนับสนุนกิจกรรมพิเศษ และการตลาดแบบตรง

 • มาตรา 8 (แทนมาตรา 5 ของ พ.ร.บ. พ.ศ. 2551): กำหนดให้มี คณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ประกอบด้วย:

 1. นายกรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมาย เป็นประธาน

 2. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รองประธานคนที่ 1) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (รองประธานคนที่ 2)

 3. คณะกรรมการโดยตำแหน่งจำนวน 11 คน ได้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่เกี่ยวข้อง, ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการสภาพัฒน์ฯ

 • ให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นเลขานุการ และอธิบดีหรือผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังเป็นผู้ช่วยเลขานุการ   .

 

หมวด 4/1 – การโฆษณา:

 • มาตรา 32/1: ห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยกเว้นเพื่อให้ข้อมูลข่าวสาร ความรู้ หรือประชาสัมพันธ์ ตามหลักเกณฑ์ที่รัฐมนตรีกำหนดตามคำแนะนำของคณะกรรมการควบคุม 

 • มาตรา 32/2: ห้ามใช้ชื่อเสียงบุคคลหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อชักชวนให้บริโภค ยกเว้นกรณีสื่อสารทางวิชาการในวงจำกัด ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด 

 • มาตรา 32/3: ห้ามนำชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไปใช้เป็นชื่อหรือเครื่องหมายของผลิตภัณฑ์อื่น หรือดัดแปลงข้อความในลักษณะที่สื่อว่าเป็นการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

 • มาตรา 32/4: ห้ามสนับสนุนกิจกรรมเพื่อสังคมหรือสาธารณประโยชน์ที่ส่งเสริมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตามที่รัฐมนตรีกำหนด 

 • มาตรา 32/5: ห้ามเผยแพร่ข่าวสารหรือประชาสัมพันธ์กิจกรรมที่เป็นต้องห้ามตามมาตรา 32/4

 

หมวด 6/1 – มาตรการลงโทษทางวินัยและอาญา:

 • มาตรา 37/1: ฝ่าฝืนมาตรา 32 มีความผิดทางวินัย ต้องชำระค่าปรับไม่เกิน 10,000 บาท   .

 • มาตรา 37/2: ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 34 (6) โดยไม่มีเหตุอันสมควร มีความผิดทางวินัย ต้องชำระค่าปรับไม่เกิน 20,000 บาท

 

การแก้ไขบทลงโทษใน พ.ร.บ. พ.ศ. 2551:

 • มาตรา 35: ยกเลิกมาตรา 40 ของ พ.ร.บ. พ.ศ. 2551 และกำหนดใหม่ว่า ผู้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ฝ่าฝืนมาตรา 29 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เว้นแต่ได้ดำเนินการตามมาตรา 29 วรรคสองแล้ว 

 • มาตรา 36: เพิ่มมาตรา 40/1 ระบุว่า ผู้ขายที่ฝ่าฝืนมาตรา 30 (1) ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับมาตรา 40   .

 • มาตรา 37: ยกเลิกมาตรา 43 และกำหนดใหม่ว่า ผู้ฝ่าฝืนมาตรา 32/2, 32/4 หรือ 32/5 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 • หากเป็นผู้ผลิต, ผู้นำเข้า หรือผู้ขาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับรายวันไม่เกิน 50,000 บาทจนกว่าจะปฏิบัติถูกต้อง 

 • มาตรา 39: ยกเลิกมาตรา 44 และกำหนดใหม่ว่า ผู้ขัดขวางเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 34 (1)–(5) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ  

มาตรา 43: กำหนดให้กฎกระทรวง, ระเบียบ, ประกาศตาม พ.ร.บ. พ.ศ. 2551 ยังคงใช้ได้ตราบเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัติฉบับนี้ จนกว่าจะออกกฎหมายใหม่มาบังคับใช้

 • ให้ดำเนินการออกกฎหมายหรือประกาศที่เกี่ยวข้องแล้วเสร็จภายใน 1 ปี นับแต่วันเริ่มใช้บังคับ หากไม่สามารถดำเนินการได้ ให้รัฐมนตรีรายงานสาเหตุต่อคณะรัฐมนตรี  

มาตรา 44: ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และระบุ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ คือ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี   .

โดยเนื้อหาส่วนสุดท้ายระบุเหตุผลที่ประกาศพระราชบัญญัตินี้เนื่องจาก พ.ร.บ. พ.ศ. 2551 ใช้บังคับมานาน จึงสมควรปรับปรุงนิยาม องค์กร และอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ, รัฐมนตรี, หน่วยงาน, และเจ้าหน้าที่ ควบคู่ไปกับการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การโฆษณา การบำบัดหรือฟื้นฟูผู้ติดหรือได้รับผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ให้เป็นไปตามสถานการณ์ปัจจุบัน

 มีความจำเป็นกำหนดเวลาห้ามบริโภคในสถานที่จำหน่ายหรือให้บริการเพื่อการค้า และกำหนดบทลงโทษที่รัดกุม เพื่อให้การควบคุมครบถ้วน เป็นเอกภาพ และบังคับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้