"สมาคมภัตตาคารไทย" เตรียมพบกับรัฐมนตรีกระทรวงคลังและกระทรวงพาณิชย์ เพื่อขอความช่วยเหลือให้กับผู้ประกอบการร้านอาหาร โดยเสนอ 2 เรื่องคือการควบคุม "ค่าพลังงาน" และการชะลอหรือไม่ขึ้น "ค่าแรงขั้นต่ำ" ภายในปีนี้ เพื่อช่วยลดภาระต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นและรักษาธุรกิจร้านอาหารในภาวะที่ยอดขายลดลงอย่างหนัก
นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในสถานการณ์ปัจจุบัน ธุรกิจร้านอาหารกำลังเผชิญความยากลำบากอย่างมาก ยอดขายลดลงอย่างหนัก จากที่เคยขายได้วันละ 5 หมื่นบาท ตอนนี้เหลือเพียง 2 หมื่นบาท หรือลดลงกว่าครึ่งหนึ่ง
แต่ในขณะเดียวกัน ราคาค่าพลังงานและวัตถุดิบกลับปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ต้นทุนของร้านอาหารเพิ่มสูงขึ้นมาก "ตอนนี้ต้นทุนร้านอาหารอยู่ที่ราว 60% ของรายได้ทั้งหมด เมื่อรายได้ลดลงกว่าครึ่งหนึ่ง แต่ต้นทุนกลับเพิ่มขึ้น ธุรกิจจึงเผชิญแรงกดดันอย่างหนัก"
ปัจจัยที่ทำให้ต้นทุนสูงขึ้นอย่างชัดเจน คือ ค่าพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน ไฟฟ้า แก๊สหุงต้ม รวมถึงแก๊สเติมรถยนต์ ซึ่งเป็นต้นทุนที่ส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าและบริการทุกอย่าง เช่น ราคาวัตถุดิบต่างๆ ที่จำเป็นในร้านอาหาร รวมถึงค่าขนส่งที่ต้องพึ่งพาน้ำมันเป็นหลัก
"แม้ค่าพลังงานจะขึ้นเพียงเล็กน้อย เช่น น้ำมันขึ้น 50 สตางค์ แต่ส่งผลทำให้ราคาวัตถุดิบ อย่าง ไข่ หมู หรือแม้แต่ข้าวจานหนึ่ง ต้องปรับราคาขึ้นตามไปด้วย บางครั้งอาจเพิ่มขึ้นถึงจานละ 5 บาท เพื่อให้ร้านสามารถครอบคลุมต้นทุนที่เพิ่มขึ้น"
นอกจากนี้ "ต้นทุนแรงงาน" ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่สร้างความกดดันให้กับธุรกิจร้านอาหาร ในปัจจุบัน แรงงานไทยที่มาทำงานในร้านอาหารมีน้อยและหายากมาก ทำให้ผู้ประกอบการต้องพึ่งพาแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านที่เข้ามาภายใต้ระบบเอ็มโอยู (MOU) ซึ่งแรงงานกลุ่มนี้มีสิทธิ์ได้รับค่าแรงขั้นต่ำตามกฎหมาย ทำให้ค่าใช้จ่ายด้านแรงงานสูงขึ้นตามไปด้วย
“ในช่วงที่ยอดขายยังไม่ฟื้นตัว การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจะไม่ได้ช่วยแรงงานไทยเท่าไร แต่กลับกลายเป็นภาระเพิ่มขึ้นให้กับร้านอาหาร เพราะต้องจ่ายค่าแรงขั้นต่ำให้กับแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีสัดส่วนสำคัญในธุรกิจนี้”
ด้วยเหตุนี้ ทางสมาคมภัตตาคารไทยจึงเสนอให้รัฐบาลพิจารณาควบคุมราคาค่าพลังงานไม่ให้ปรับขึ้นในปีนี้ รวมถึงเลื่อนการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำออกไปก่อน เพื่อช่วยลดต้นทุนและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับธุรกิจร้านอาหารที่กำลังเข้าสู่ภาวะวิกฤต
นางฐนิวรรณ กล่าวทิ้งท้ายว่า ทางสมาคมไม่ต้องการขอสิทธิประโยชน์อื่นๆ เช่น การลดภาษี หรือการไม่จ่ายประกันสังคม เพราะเห็นว่ามาตรการเหล่านั้นกระทบต่อระบบในภาพรวม แต่สิ่งที่จำเป็นและเร่งด่วนที่สุดคือ การควบคุมต้นทุนพลังงานและค่าแรง ซึ่งเป็นต้นทุนหลักที่ส่งผลกระทบต่อความอยู่รอดของธุรกิจในช่วงนี้