“OR” เร่งปิดดีลร้าน Quick Service ต่อยอดขยายธุรกิจ Lifestyle

20 พ.ค. 2568 | 05:30 น.
อัปเดตล่าสุด :20 พ.ค. 2568 | 05:30 น.

โออาร์เร่งเดินหน้าเจรจรธุรกิจ Lifestyle และธุรกิจ Mobility คาดปิดดีลร้าน Quick Service ได้ต้นไตรมาส 3/68 เผยอยู่ระหว่างการวิเคราะห์พันธมิตร

นางสาววิไลวรรณ กาญจนกันติ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านบริหารการเงิน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือโออาร์ (OR) เปิดเผยว่า ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาดีลทั้งธุรกิจ Lifestyle และ ธุรกิจ Mobility โดยคาดว่าในช่วงต้นไตรมาส 3/68 จะเริ่มเห็นความชัดเจนดีลใหม่ในธุรกิจ Lifestyle เกี่ยวกับร้านประเภทบริการด่วน (Quick Service) 

ขณะที่ความคืบหน้าการร่วมทุนกับพันธมิตร อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ว่าพันธมิตรที่เข้ามาจะเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริษัทในด้านใดบ้าง แต่ยังไม่มีความคืบหน้าในการจับมือเร็ว ๆ นี้

นางสาวปิติรัตน์ รัตนโชติ ผู้จัดการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ OR กล่าวว่า แม้แนวโน้มกลุ่มธุรกิจ Mobility ในไตรมาส 2/68 จะได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง และปัจจัยฤดูกาล ทำให้ปริมาณจำหน่ายน้ำมันอ่อนตัวลงเล็กน้อย แต่ธุรกิจ Lifestyle ยังได้รับอานิสงส์จากสภาพอากาศที่ค่อนข้างร้อน ส่งผลทำให้ยอดขายร้าน Cafe Amazon ดีขึ้นมาก ซึ่งคาดว่าจะยังสามารถรักษาระดับยอดขายขั้นต่ำ 100 ล้านแก้วได้ในไตรมาสนี้

นางสาวปิติรัตน์ รัตนโชติ ผู้จัดการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ OR กล่าวว่า แม้แนวโน้มกลุ่มธุรกิจ Mobility ในไตรมาส 2/68 จะได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง และปัจจัยฤดูกาล ทำให้ปริมาณจำหน่ายน้ำมันอ่อนตัวลงเล็กน้อย แต่ธุรกิจ Lifestyle ยังได้รับอานิสงส์จากสภาพอากาศที่ค่อนข้างร้อน ส่งผลทำให้ยอดขายร้าน Cafe Amazon ดีขึ้นมาก ซึ่งคาดว่าจะยังสามารถรักษาระดับยอดขายขั้นต่ำ 100 ล้านแก้วได้ในไตรมาสนี้

สำหรับยอดขายน้ำมันของ OR ทั้งปี 68 คาดว่าปริมาณขายจะเติบโตอยู่ในกรอบการเติบโตของ GDP ไทยและประเทศเพื่อนบ้าน แม้ว่าสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จะปรับลดประมาณการจีดีพี (GDP) ของไทยลงเหลือเฉลี่ย 1.8% 

และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินว่าจะเติบโตเพียง 1.3-2.0% เนื่องจากคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากภาษีการค้าสหรัฐ แต่การเติบโตของ GDP ประเทศเพื่อนบ้านที่ OR เข้าไปลงทุนจะสูงกว่าไทย ทำให้ธุรกิจในต่างประเทศยังมีโอกาสรสร้างปริมาณขายน้ำมันให้เติบโตได้

อย่างไรก็ดี OR ประเมินแนวโน้มราคาพลังงานในช่วงที่เหลือของปีในกรอบ 50-70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งยังมีความผันผวนค่อนข้างมาก เนื่องจากปัจจัยภายนอกมีความเสี่ยงหลายด้านที่จะส่งผลต่อราคาพลังงาน ทำให้ธุรกิจน้ำมันยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อรักษาระดับ Inventory ให้เหมาะสม หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิด Stock loss และยังหาโอกาสในการทำ Hedging ในบางผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงด้านราคา

ด้านทิศทางเศรษฐกิจจากการคาดการณ์การเติบโตของ IMF ประเมินเศรษฐกิจโลกปี 68 ขยายตัว 0.8% ชะลอตัวลง โดยหลักจากสงครามการค้าทำให้เศรษฐกิจสหรัฐและจีนชะลอตัวลง ส่งผลต่อเศรษฐกิจไทย รวมทั้งราคาพลังงานผันผวนและกระทบต่อนโยบายการเงิน รวมทั้งอัตราแลกเปลี่ยน

อย่างไรก็ตาม กัมพูชากำลังเปิดสนามบินแห่งใหม่ เขื่อว่าจะทำให้ปริมาณขายน้ำมันอากาศยานของ OR ปรับตัวดีขึ้น รวมถึงภาคการท่องเที่ยวไทย แม้จะมีการปรับลดคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวปีนี้เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนลดลง แต่ก็ได้รับการชดเชยด้วยนักท่องเที่ยวอินเดียและตะวันออกกลางที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้เที่ยวบินมาไทยยังสูงขึ้น และปริมาณน้ำมันอากาศยานยังเติบโตได้ใปนี้ โดยคาดว่าปีนี้ปริมาณขายน้ำมันอากาศยานจะกลับมาเท่าระดับก่อนโควิด-19