วิกฤตอาหารโลกพุ่งแรง คนเกือบ 300 ล้านอดอยาก-ขาดสารอาหาร

21 พ.ค. 2568 | 07:00 น.

GRFC ชี้ คนทั่วโลกกว่า 295 ล้านคนกำลังเผชิญภาวะหิวโหยขั้นวิกฤตในปี 2024 ท่ามกลางสงคราม เศรษฐกิจผันผวน ภัยพิบัติ และงบช่วยเหลือมนุษยธรรมที่ลดลง สะท้อนความล้มเหลวระดับโลกในการจัดการปัญหาอดอยากยุคใหม่

จากรายงานล่าสุดของ Global Report on Food Crises (GRFC) ที่เผยแพร่ในปี 2024 ภาพรวมของความมั่นคงทางอาหารของโลกกำลังดิ่งเหวลงอย่างน่าตกใจ โดยมีประชากรกว่า 295 ล้านคนใน 53 ประเทศและดินแดนทั่วโลก ที่เผชิญภาวะหิวโหยขั้นรุนแรง เพิ่มขึ้นเกือบ 14 ล้านคนจากปีที่ผ่านมา ขณะที่ผู้คนอีก 1.9 ล้านคนกำลังตกอยู่ในภาวะอดอยากระดับวิกฤต (IPC/CH Phase 5) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ GRFC เริ่มเก็บข้อมูลเมื่อปี 2016

รายงานดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นของความไม่มั่นคงทางอาหารและภาวะขาดสารอาหารในเด็กอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน โดยเฉพาะในภูมิภาคที่เปราะบางที่สุดของโลก เช่น กาซา มาลี ซูดาน และเยเมน ซึ่งในปีนี้มีเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบกว่า 38 ล้านคน ที่ต้องเผชิญกับภาวะทุพโภชนาการขั้นเฉียบพลันในวิกฤตโภชนาการ 26 แห่งทั่วโลก

สาเหตุสำคัญของวิกฤตความหิวโหยในระดับโลกยังคงเป็น "ปัจจัยมนุษย์" ที่ซ้ำเติมความเปราะบางในหลายพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็น สงครามและความขัดแย้ง ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนกว่า 140 ล้านคนใน 20 ประเทศ ภาวะเศรษฐกิจผันผวน เช่น เงินเฟ้อและค่าเงินตกต่ำ ที่ทำให้ 15 ประเทศต้องเผชิญกับภาวะหิวโหยในระดับรุนแรง มีผู้ได้รับผลกระทบถึง 59.4 ล้านคน รวมถึง ภัยพิบัติจากสภาพอากาศรุนแรง โดยเฉพาะภัยแล้งและน้ำท่วมที่เกิดจากปรากฏการณ์เอลนีโญ ซึ่งกระทบ 18 ประเทศทั่วโลก และทำให้มีผู้เดือดร้อนกว่า 96 ล้านคน ในแอฟริกาใต้ เอเชียใต้ และแถบจะงอยแอฟริกา (Horn of Africa)

ขณะเดียวกัน ปรากฏการณ์ "การพลัดถิ่นฐาน" ก็กลายเป็นอีกหนึ่งตัวเร่งสำคัญของวิกฤต โดยปัจจุบันมีผู้พลัดถิ่นรวมกว่า 95 ล้านคน ที่อาศัยอยู่ในประเทศที่กำลังเผชิญวิกฤตอาหาร เช่น สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก โคลอมเบีย ซูดาน และซีเรีย ซึ่งนับเป็นสัดส่วนใหญ่ของประชากรพลัดถิ่นทั้งหมด 128 ล้านคนทั่วโลก

ท่ามกลางปัญหาที่บานปลายและความช่วยเหลือที่ลดลงอย่างรวดเร็ว อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ออกมาเตือนผ่านรายงานฉบับนี้ว่า “นี่ไม่ใช่แค่ความล้มเหลวของระบบ แต่มันคือความล้มเหลวของมนุษยชาติ การที่ยังมีคนหิวโหยในศตวรรษที่ 21 เป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้” เขาย้ำว่าโลกไม่สามารถตอบสนองต่อท้องที่ว่างเปล่าด้วยมือเปล่าและการเมินเฉยอีกต่อไป

น่าเป็นห่วงว่าแม้ภาวะหิวโหยและการขาดสารอาหารจะเพิ่มสูงเป็นประวัติการณ์ แต่งบประมาณด้านมนุษยธรรมกลับลดลงอย่างรวดเร็วที่สุดในรอบหลายปี ขณะที่แรงขับเคลื่อนทางการเมืองในการแก้ไขปัญหาก็อ่อนแรงลงเรื่อยๆ

GRFC จึงเสนอว่า โลกจำเป็นต้อง "รีเซ็ต" แนวทางการจัดการวิกฤตอาหารอย่างกล้าหาญและยั่งยืน ด้วยการเน้นการแก้ปัญหาที่อิงหลักฐานจริง ขับเคลื่อนโดยผลลัพธ์เป็นตัวตั้ง ไม่ใช่เพียงการให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินเท่านั้น แต่ควรลงทุนใน ระบบอาหารท้องถิ่น และ บริการโภชนาการแบบบูรณาการ เพื่อจัดการกับจุดอ่อนระยะยาว และเสริมสร้างความยืดหยุ่นให้กับชุมชน โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงภัย ที่กว่า 70% ของครัวเรือนชนบทต้องพึ่งพาการเกษตรเป็นหลักในการดำรงชีวิต

รายงานยังระบุด้วยว่า แนวโน้มของปี 2025 ยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น เนื่องจากคาดว่าจะมีการลดงบประมาณช่วยเหลือด้านอาหารและโภชนาการลงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของรายงานฉบับนี้

 

อ่านรายงานฉบับเต็มที่นี่