ทุ่มพันล้าน ปั้นคอมมูนิตี้ มอลล์ สีเขียว “เดอะสเฟีย เพชรเกษม”

17 ก.ย. 2566 | 02:27 น.

ทายาทบิ๊กส่งออกหนังเทียม ทุ่มกว่า 1,000 ล้าน ปักหมุดคอมมูนิตี้ มอลล์สีเขียว “The Spheres Phetkasem” เดสติเนชั่นแห่งใหม่ย่านเพชรเกษม-อ้อมน้อย จับกำลังซื้อหนุ่มสาวโรงงาน นักท่องเที่ยวสายบุญ มั่นใจคืนทุนใน 8 ปี

กว่า 30 ปีที่บริษัท ภูมิพัฒน์ แมนเนจเม้นท์ จำกัด ผู้ผลิตและส่งออกผ้าหนังเทียมรายใหญ่ของเมืองไทยเดินหน้าผลิตผ้าหนังเทียมป้อนให้กับโรงงานทั้งในและต่างประเทศ จากรุ่นพ่อ ถูกส่งไม้ต่อมายังรุ่นลูก ขณะที่เจนเนเรชั่น 3 อย่าง “อัญรินทร์ ชลสายพันธ์” หลังช่วยงานธุรกิจครอบครัวมานานกว่า 7 ปี

เธอเลือกที่จะแตกไลน์ธุรกิจใหม่ โดยนำที่ดินผืนใหญ่ของครอบครัว มาพัฒนาเป็น “คอมมูนิตี้ มอลล์” ที่ใหญ่ที่สุดในอ้อมน้อย มูลค่าสูงถึง 1,000 ล้านบาท ถือเป็นความท้าทายสำหรับสาวนักบริหารรุ่นใหม่ในวัย 33 ปี

“อัญรินทร์ ชลสายพันธ์” รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ภูมิพัฒน์ แมนเนจเม้นท์ จำกัด ผู้ผลิตและส่งออกผ้าหนังเทียมรายใหญ่ของเมืองไทย และผู้พัฒนาโครงการคอมมูนิตี้ มอลล์ “เดอะสเฟีย เพชรเกษม” (The Spheres Phetkasem) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ความคืบหน้าของโครงการเดอะสเฟียฯ

ทุ่มพันล้าน ปั้นคอมมูนิตี้ มอลล์ สีเขียว “เดอะสเฟีย เพชรเกษม”

ขณะนี้การก่อสร้างแล้วเสร็จกว่า 30% ขณะที่การขายพื้นที่ได้แล้ว 35-40% จากจำนวนร้านค้าทั้งหมด 170 ร้าน คาดว่าจะส่งมอบพื้นที่ให้ผู้เช่าได้ในต้นปี 2567 พร้อมกับเปิดให้บริการซอฟท์โอเพ่นนิ่งได้ในไตรมาส 2 และเปิดอย่างเป็นทางการในไตรมาส 3 ปีหน้า

โดยจุดเด่นของที่นี่คือเป็น “คอมมูนิตี้ มอลล์ สีเขียว” จากการดีไซน์ในรูปแบบไบโอฟิลิก (Biophilic) การผสมผสานเพื่อให้อยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างลงตัว ด้วยรูปแบบโปร่ง ระบายอากาศได้ดี พร้อมต้นไม้และพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ ที่ลูกค้าสามารถพาสัตว์เลี้ยงมาเดินเล่น พักผ่อนหย่อนใจ และยังติดตั้งหลังคาโซลาร์เซล และยังมีอีวีชาร์จ ให้บริการลูกค้าด้วย ทำให้ที่นี่เปรียบเสมือนปอดของชุมชน ใจกลางโรงงานอุตสาหกรรมที่รายล้อมอยู่หลายพันโรงงาน

“อัญรินทร์” บอกอีกว่า หลังจากที่ศึกษาทำเลในย่านเพชรเกษม-อ้อมน้อยและพบว่า เป็นทำเลที่มีศักยภาพ ผู้บริโภคมีกำลังซื้อสูง จากการขยายตัวของระบบขนส่งมวลชนโครงข่ายรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง- หลักสอง และบางซื่อ - ท่าพระ

และในอนาคตก็จะมีการก่อสร้างส่วนต่อขยายจากสถานีหลักสอง (บางแค)- พุทธมณฑลสาย 4 ซึ่งจะมีค่าจดกรรมสิทธิ์ที่ดินเงินลงทุน 3,920 ล้านบาท ค่าก่อสร้างงานโยธา 10,870 ล้านบาท ค่างานระบบไฟฟ้า 6,407 ล้านบาท รวม 21,197 ล้านบาท ยิ่งเพิ่มอำนวยความสะดวกสบายประชาชนในพื้นที่ชานเมืองมากขึ้น รวมไปถึงส่งผลให้ราคาที่ดินในทำเลแนวรถไฟฟ้าปรับพุ่งสูงขึ้นไม่ต่ำกว่า 6%

ทุ่มพันล้าน ปั้นคอมมูนิตี้ มอลล์ สีเขียว “เดอะสเฟีย เพชรเกษม”

โดยเฉพาะทำเลถนนเพชรเกษม- อ้อมน้อย ทำให้สามารถเชื่อมต่อเข้าใจกลางเมืองได้สะดวก เนื่องจากเป็นย่านสำคัญที่เป็นแหล่งอุตสาหกรรม ตลาดแรงงานขนาดใหญ่ ทำให้มีความต้องการที่อยู่อาศัยตามมา อีกทั้งปัจจุบันยังรายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล มหาวิทยาลัย ฯลฯ ซึ่งที่ผ่านมาพบว่า มีผู้ประกอบการจำนวนมากมากว้านซื้อที่ดิน เพื่อเตรียมพัฒนาให้เป็นโครงการต่าง ๆ รองรับกำลังซื้อในย่านนี้ แต่สำหรับเดอะสเฟียฯ โชคดีเพราะเรามีที่ดินอยู่แล้ว

“ทีมงานเราลงพื้นที่ศึกษาอยู่นาน จนพบว่าคนในพื้นที่เพชรเกษม-อ้อมน้อย ต้องการจุดแลนด์มาร์ค แหล่งรวมไลฟ์สไตล์ ฟู้ดฮับ สำหรับครอบครัวที่ครบครัน ซึ่งในรัศมี 10 กม. นี้ยังไม่มีคอมมูนิตี้ มอลล์ที่สามารถรองรับได้ มีเพียงขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ตามหน้าหมู่บ้าน เพื่อให้บริการกับลูกบ้านในย่านนั้นๆ

อย่างไรก็ดีหลังการตัดสินใจพัฒนาพื้นที่ เป็นช่วงจังหวะของการระบาดโควิด-19 ทำให้ต้องชะลอแผนการเดินหน้าออกไป ขณะเดียวกันก็ต้องปรับแนวคิดและดีไซน์เพื่อให้ทันกับความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะการใส่ใจต่อสุขภาพ การประหยัดพลังงาน กระแสภาวะโลกร้อน ฯลฯ จนที่สุดก็ได้เดอะสเฟีย เพชรเกษม ในรูปแบบที่ลงตัวในทุกวันนี้”

ทุ่มพันล้าน ปั้นคอมมูนิตี้ มอลล์ สีเขียว “เดอะสเฟีย เพชรเกษม”

โดยที่ดินทั้งหมด 30 ไร่จะถูกพัฒนาเป็น 2 เฟส คือ เฟสแรก จำนวน 18 ไร่ ติดริมถนนเพชรเกษม บริเวณซอยเพชรเกษม 124-126 ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ มีขนาด 11,000 ตร.ม. จัดแบ่งพื้นที่เป็นโซน Food และ Non-Food ในสัดส่วน 70:30 พื้นที่จอดรถยนต์และรถจักรยานยนต์กว่า 550 คัน ด้วยงบลงทุนราว 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็น มูลค่าที่ดินกว่า 540 ล้านบาท (ซื้อมาเมื่อ 30 ปีก่อน) งานก่อสร้างกว่า 300 ล้านบาท และอื่นๆ กว่า 100 ล้านบาท อาทิ งานออกแบบภูมิทัศน์, ตกแต่งภายใน, ระบบสาธารณูปโภค เป็นต้น

ด้านกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ บริษัทจะเน้นการโฆษณา ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้กับคนในย่านดังกล่าว พร้อมกับจัดกิจกรรมอีเว้นต์ต่อเนื่อง เพื่อสร้างสีสันและดึงดูดให้เข้ามาใช้บริการ โดยตั้งเป้าหมายที่จะมีลูกค้ามาใช้บริการจำนวน 3,000 คนต่อวันในวันธรรมดา และ 5,000 คนต่อวันในวันหยุด ส่งผลให้ในปีแรกมีรายได้ราว 10-15 ล้านบาท และถึงจุดคุ้มทุนในระยะเวลา 7 - 8 ปี

ส่วนเฟส 2 จำนวน 12 ไร่ “อัญรินทร์” บอกว่า จะพัฒนาเป็นตลาดสด เพื่อให้บริการแบบ one stop service สำหรับลูกค้าที่มาเดินเล่น พักผ่อน และอยากเลือกซื้อของสดกลับบ้าน โดยคาดว่าจะสามารถพัฒนาได้ในอีก 2-3 ปี หลังเปิดให้บริการในเฟสแรก

ทุ่มพันล้าน ปั้นคอมมูนิตี้ มอลล์ สีเขียว “เดอะสเฟีย เพชรเกษม”

“อัญรินทร์” บอกอีกว่า เป้าหมายของเราคือ รองรับผู้บริโภคในย่านฝั่งธน, สมุทรสาครและนครปฐม ซึ่งในย่านนี้ถือเป็นย่านเศรษฐกิจที่มีศักภาพ จากจำนวนโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปและส่งออกที่มีมากกว่า 9,300 โรงงาน มีโครงการที่พักอาศัย ที่มีระดับราคาตั้งแต่ 2.9 ล้านบาทไปจนถึงราคา 20 ล้านบาทมากกว่า 85,731 หลังคาเรือน นอกจากนี้ยังเป็นจุดเชื่อมต่อและเป็นเส้นทางผ่านไปยังสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายของนักท่องเที่ยว

“กลุ่มเป้าหมายของเราคือ ลูกค้าที่มีฐานรายได้ B+ ขึ้นไป ได้แก่ กลุ่มคนที่ทำงานในองค์กรบริษัทเอกชนและภาครัฐ กลุ่มผู้พักอาศัยในชุมชนพื้นที่บริเวณใกล้เคียง กลุ่มเจ้าของโรงงานอุตสาหกรรมทั้งฝั่งสมุทรสาคร และนครปฐม รองลงมาเป็นกลุ่มเจ้าของกิจการ กลุ่มครอบครัวใหญ่ในจังหวัดใกล้เคียง กลุ่มนักท่องเที่ยวที่นิยมมาทำบุญ บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในย่านนี้ ที่มีวัดชื่อดังจำนวนมาก รวมทั้งกลุ่มนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ และมหาวิทยาลัยมหิดล”

อย่างไรก็ดีธุรกิจคอมมูนิตี้ มอลล์ ถือเป็นธุรกิจที่ 3 ของครอบครัว จากปัจจุบันที่ผู้ผลิตและส่งออกผ้าหนังเทียม ตามด้วยธุรกิจอพาร์ทเม้นท์ ซึ่งตั้งอยู่ในย่านพญาไท ศาลายา และโซนสมุทรสาคร และยังมีแลนด์แบงก์อยู่อีก 2-3 แห่ง ซึ่งมีขนาดไม่ใหญ่มาก สามารถพัฒนาเป็นธุรกิจอพาร์ทเม้นท์ได้อีกเช่นกัน

หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,922 วันที่ 14 - 16 กันยายน พ.ศ. 2566