ย้อนรอย “ชาวเวอร์ ทู ชาวเวอร์” รีแบรนด์ในรอบ 40 ปี

19 พ.ค. 2566 | 10:19 น.
อัปเดตล่าสุด :27 พ.ย. 2566 | 13:49 น.

“ชาวเวอร์ ทู ชาวเวอร์” แบรนด์ระดับตำนานของไทย หลังจากห่างหายไปจากพื้นที่สื่อ ล่าสุดกลับมาเขย่าตลาดอีกครั้งภายใต้การบริหาร DCH AURIGA พร้อมกับใช้ภาพจำมิวสิคมาร์เก็ตติ้งผ่านพรีเซ็นเตอร์ “พีพี กฤษฏ์ อำนวยเดชกร”

ย้อนกลับไปเมื่อปี1993  “ชาวเวอร์ ทู ชาวเวอร์” เป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในกลุ่มผลิตภัณฑ์แป้งเย็นและโคโลญจน์ จากการทำมิวสิคมาร์เก็ตติ้งจนเกิดเป็นภาพจำด้วยเพลงฮิตติดหู “ชาวเวอร์ ทู ชาวเวอร์” และส่งให้แบรนด์จะประสบความสำเร็จทั้งยอดขายและกระแสตอบรับมาตลอดระยะเวลา 40 ปีก่อนที่แบรนด์จะหายไปช่วงเวลาหนึ่ง

ย้อนรอย “ชาวเวอร์ ทู ชาว์เวอร์” รีแบรนด์ในรอบ 40 ปี

อย่างไรก็ตามปัจจุบัน “ชาวเวอร์ ทู ชาวเวอร์”   ได้เปลี่ยนมือมาอยู่ภายใต้การบริหารของ “บริษัท ดีซีเอช ออริกา (ประเทศไทย) จำกัด ถือเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจประเภทตัวแทนจัดจำหน่ายและเป็นผู้ให้บริการ บริหารจัดการด้านการตลาดชั้นนำของประเทศ และเชี่ยวชาญในธุรกิจสินค้าเกี่ยวกับแพทย์และสุขภาพ  เป็นผู้ถือลิขสิทธิ์ “SHOWER to SHOWER” ทั้งด้านการสื่อสารการตลาดและจัดจำหน่ายสินค้า เพื่อแข่งขันในตลาดสบู่เหลวของประเทศไทยอีกครั้ง

 

นายคัม แม็คซิม เดอ ปินส์ เดอ คอคาเลียร เปิดเผยเกี่ยวกับบริษัท ดีซีเอช ออริกา จำกัด (ประเทศไทย) ว่า บริษัท ดีซีเอช ออริกา ถือเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีสาขาดำเนินงานในฮ่องกง มาเก๊า จีนแผ่นดินใหญ่ สิงคโปร์ ไทย อินโดนีเซีย บรูไน มาเลเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ด้วยการยึดมั่นในพันธกิจของเราในการส่งเสริมชีวิตด้วยการดูแลที่มีคุณภาพ ปัจจุบันเราจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์กว่า 500 แบรนด์ ณ จุดจำหน่ายกว่า 10,000 แห่งในประเทศ  

ย้อนรอย “ชาวเวอร์ ทู ชาว์เวอร์” รีแบรนด์ในรอบ 40 ปี

“ในพื้นที่ SEA โดยเฉพาะประเทศไทย ที่มีความผันผวนทั้งด้านภูมิประเทศ รูปแบบการดำเนินธุรกิจ ความสะดวกสบายในการซื้อ และพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีความซับซ้อนและแตกต่างจากพื้นที่หลักอย่างฮ่องกง ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ กลยุทธ์ที่เลือกใช้จำเป็นต้องเข้าใจและเข้าถึงกลุ่มคนไทย โดยบริษัทฯยังคงมุ่งเชื่อมต่อนโยบายหลักของบริษัทสาขาแม่ในการเป็น HUB ที่ครอบคลุมตั้งแต่ การเป็นผู้ผลิต อาหาร ยา ผลิตภัณฑ์ต่างๆ รวมถึงกลุ่มธุรกิจอื่นๆ เช่น ธุรกิจยานยนต์ และการเป็นผู้ให้บริการและผู้จัดจำหน่ายสินค้าสุขภาพและชีววิทยาศาสตร์ระดับแนวหน้าของโลก ที่สามารถครอบคลุมการดำเนินชีวิตของผู้คนอย่างมีประสิทธิภาพ

โดยในปีนี้นอกจากจะเป็นผู้จัดจำหน่ายแล้ว สำหรับประเทศไทยนั้น ถือเป็นก้าวสำคัญในการต่อยอดดำเนินการธุรกิจเพื่อให้ถึงเป้าหมายที่จะเติบโตมาก โดยมี 3 กลยุทธ์แกนหลักสำหรับปีนี้ คือ 1. การต่อยอดการเป็นบริษัทระดับโลกด้วยการให้บริการแบบบรูณากับกลุ่มคู่ค้า 2. การพัฒนาและสร้างแบรนด์ของตัวเอง (Own brand) เพื่อเข้าถึงความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น 3. การขยายกลุ่มธุรกิจของบริษัทฯไปยังประเทศอินโดไชน่า ทั้งหมดนี้เพื่อเรียกได้ว่าเป็นการต่อยอดจากจุดมุ่งหมายหรือพันธกิจที่อยากเห็นผู้คนมีชีวิตที่ดีในทุกๆ วัน”

 

ทางด้าน นางสาวขวัญสิริ งามศิริกุลชัย HEAD OF OWN BRAND BU บริษัท ดีซีเอช ออริกา (ประเทศไทย) จำกัด ได้เผยเกี่ยวกับการกลับมาของ ชาวเวอร์ ทู ชาวเวอร์ ในปี 2023 ว่า “จากการรีเสิร์ชข้อมูลตลาดของคนที่รู้จักและจดจำแบรนด์ ชาวเวอร์ ทู ชาวเวอร์ กว่า 60 เปอร์เซ็นต์ ที่คนอายุ 35 ปีขึ้นไป จะรู้จักแบรนด์ ชาวเวอร์ ทู ชาวเวอร์ และจะนึกถึงความเย็นและสดชื่น จึงได้นำจุดนี้มาเป็นคอนเซ็ปต์ในการเลือกที่จะทำผลิตภัณฑ์ แต่เนื่องจากแป้งหอมเย็นตลาดเล็กลง และมีการแข่งขันค่อนข้างสูง 

 

เราเลยตัดสินใจทำครีมอาบน้ำ จากตัวเลขตลาดสบู่ครีมอาบน้ำในเมืองไทย 7,000 กว่าล้าน แบ่งเป็น กลุ่มบิวตี้และเฮลท์ตี้เราเจาะกลุ่มเฮลท์ตี้ มาร์เก็ตไซส์กลุ่มเฮลท์ตี้อยู่ที่ 1,500 ล้าน หรือมีสัดส่วนยอดขาย 20% แต่เมื่อเรามาในยุคการแข่งขันสูงมากๆ ในตลาดครีมอาบน้ำทุกคนไม่ว่าจะเป็นแบรนด์เล็กหรือใหญ่เข้ามาช่วงชิงในตลาดนี้ค่อนข้างเยอะ จึงเป็นความท้าทายของแบรนด์กับในสิ่งที่เราวางกลยุทธ์เอาไว้ แม้ว่าจะมีการแข่งขันสูง แต่ในตลาดของครีมอาบน้ำก็ยังมีโอกาสเสมอ ในแบรนด์ใหม่ๆ เราเชื่อว่าลูกค้าจะเปิดใจลองใช้ ชาวเวอร์ ทู ชาวเวอร์ เพราะเราเชื่อมั่นในสูตรของเรา และเชื่อว่าลูกค้าต้องกลับมาซื้อซ้ำอย่างแน่นอน”

 

“สิ่งสำคัญเราพัฒนาครีมอาบน้ำ ชาวเวอร์ ทู ชาวเวอร์ ให้มีครบใน 1 ขวด คือลดการสะสมแบคทีเรีย และกลิ่นหอมเวลาอาบด้วย อาบแล้วหอมสดชื่น สิ่งหนึ่งที่เราคำนึงถึงคือการถนอมผิว เราเลือกส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติ ไม่มีสารเคมีต่างๆ สารที่ก่อให้เกิดการระคายผิว ต้องปราศจากสารสังเคราะห์ 0% ปกป้อง 2 เท่าจากพลังธรรมชาติเป็นคอนเซ็ปต์ของ ชาวเวอร์ ทู ชาวเวอร์ในยุค 2023 ที่เราออกไป”

 

ทั้งนี้ ครีมอาบน้ำ ชาวเวอร์ ทู ชาวเวอร์ มี 3 สูตร ได้แก่ COOLING FRESH ,SHINING FRESH และ EVERYDAY FRESH  โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลักอยู่ระหว่างอายุ 25-60 ปี เนื่องจากสบู่หรือครีบอาบน้ำเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถใช้ได้ทุกเพศทุกวัย   ดังนั้นกลยุทธ์ที่วางไว้จึงใช้มิวสิคมาร์เก็ตติ้งเข้ามารีแบรนด์ใหม่อีกรอบหนึ่ง เนื้อหาเพลงเดิมแต่ได้นำมาทำดนตรีเรียบเรียงใหม่ให้ทันสมัยเข้ายุคสมัยในปัจจุบัน พร้อมกับใช้แบรนด์พรีเซ็นเตอร์คนใหม่คือพีพี กฤษฏ์ อำนวยเดชกร นักแสดงชื่อดัง สาเหตุ เราเลือกพีพี กฤษฏ์ เพราะพีพีเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ ที่ไม่ได้จำกัดว่าคุณต้องเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงคุณจะเป็นอะไรก็ได้ในแบบของตัวคุณเอง 

“จริงๆ เหมือนการฉีกกฎเลยก็ว่าได้ เพราะโดยปกติ พรีเซ็นเตอร์ครีมอาบน้ำหลายแบรนด์มักใช้พรีเซ็นเตอร์ผู้หญิง แต่เราเลือกน้องพีพีมาคือเราฉีกกฎการใช้พรีเซ็นเตอร์ เราเชื่อว่าจะเปลี่ยนปรากฏการณ์นี้ของวงการครีมอาบน้ำ เราใช้น้องพีพีสื่อถึงคนรุ่นใหม่ ไม่ต้องเป็นเพศไหน แต่สามารถเข้าถึงทุกคนได้หมด ซึ่งจากที่เราเปิดตัวไปช่วงแรกกับภาพยนตร์โฆษณาได้รับการตอบรับที่ดีมากๆ ทางแบรนด์รู้สึกดีใจมากที่เรากล้าที่จะเปลี่ยนปรากฏการณ์นี้”

 

สำหรับช่องทางการจำหน่ายบริษัทพยายามกระจายสินค้าให้มากที่สุดหลังจากได้รับการตอบรับอย่างดีจากจุดจำหน่ายตามห้างต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Lotus’s, Big C,TOPS, Foodland, Gourmet Market และร้านค้าต่างจังหวัด หลังจากนี้จะเริ่มขยายช่องทางจัดจำหน่ายตามห้างหลักๆเพิ่มเติม และกระจายสู่ ทั่วประเทศทุกภาคอย่างครอบคลุม รวมทั้งช่องทางออนไลน์ ซึ่งบริษัทเรามีช่องทางแพลตฟอร์มออนไลน์ด้วย

 

“การกลับมาของ ชาวเวอร์ ทู ชาวเวอร์ ครั้งนี้ เราไม่ได้จะแข่งขันในตลาดว่าต้องอยู่อันดับที่เท่าไหร่ แต่เราต้องการแข่งกับทาร์เก็ตเป้าของตัวเราเอง ซึ่งเราคิดว่าเราจะมีโอกาสชนะทะลุเป้าหมายที่เราตั้งใจเอาใจมากกว่า ”