ถอดสูตรความคิด 4 นักธุรกิจรุ่นใหม่ “คิดต่าง สร้างธุรกิจทางเลือกใหม่”

04 ต.ค. 2566 | 13:57 น.

ในงานเวที Thailand Economic Outlook 2024 Change the Future Today “เปลี่ยน” อนาคตเศรษฐกิจไทยต้องเริ่มวันนี้ จัดในโอกาสครบรอบ 36 ปี หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ได้ระดมนักธุรกิจรุ่นใหม่ มาถ่ายทอด แลกเปลี่ยนความคิดเห็นภายใต้ หัวข้อ “คิดต่าง.. สร้างธุรกิจทางเลือกใหม่”

โดยนายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด  ว่าเม็ดเงินที่ไหลเข้ามามหาศาลในอาเซียนอีก 10 ปีข้างหน้านั้นมองว่าโอกาสของประเทศไทยอยู่ที่   3 คำ  โดยจากเข้าร่วมประชุมเวทีการประชุมระดับโลก  ที่พูดถึงกัน คือ ดิจิทัล กรีน  และเรฟโวลูชัน  (Revolution)  ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงกระบวนการในอุตสาหกรรมใหม่ๆ  ที่ไม่ใช่อุตสาหกรรมดั่งเดิม  

ถอดสูตรความคิด 4 นักธุรกิจรุ่นใหม่ “คิดต่าง สร้างธุรกิจทางเลือกใหม่” โดยดิจิทัลนั้นเศรษฐกิจดิจิทัลของจีน คิดเป็นสัดส่วน  44% ของ GDP  ซีอีโอ ฟ็อกซ์คอนน์ มองว่าเศรษฐกิจดิจิทัลมีขนาดใหญ่กว่าเศรษฐกิจดั่งเดิม  ขณะที่เรฟโวลูชันเป็นการเปลี่ยนแปลงทั้งกระบวนการผลิตใหม่ทั้งหมด     ไม่ใช่ไฟเบอร์ออฟติก   หรือ 4G แบบเก่า    แต่เป็นเทคโนโลยีใหม่อย่าง IoT  AR VR AI   ส่วนกรีน   เริ่มมีบางแบงก์ไม่ปล่อยกู้ให้ธุรกิจที่ทำลายโลก    ผู้นำทั่วโลกให้ความสำคัญเรื่องเศรษฐกิจสีเขียว หรือ กรีนมากขึ้น    ด้านการค้าการนำเข้า-ส่งออก เริ่มมีมาตรการกีดกันทางการค้าออกมาสำหรับบริษัทที่มีกระบวนการผลิตที่ทำลายโลก  

ด้านนายเทพพันธ์ อัศวะธนกุล รองกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า ไทยวิวัฒน์ เป็นเทคอินชัวรัน ที่นำเทคโนโลยี  และดาต้า มาใช้พัฒนานวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ ไลฟ์สไตล์ ความต้องการของคอนซูเมอร์  มุ่งเน้นสร้างความไว้ใจ และการใช้งานง่ายครอบคลุม   โดยปีที่ผ่านมามีการเติบโต 3-4 เท่า มีกองทุนสูงกว่าที่กำหนด 2-3 เท่า

ถอดสูตรความคิด 4 นักธุรกิจรุ่นใหม่ “คิดต่าง สร้างธุรกิจทางเลือกใหม่”

ทั้งนี้ประกันภัยไทยวิวัฒน์  เป็นรายแรกที่ให้บริการประกันเปิด-ปิดได้  โดยค่าเบี้ยประกันกับรถยนต์เฉพาะเวลาใช้งาน   ช่วยให้ลูกค้าประหยัดได้ 80%    มีอัตราการต่อประกันสูงถึง 80-90%   นอกจากนี้ยังนำเทคโนโลยีอุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะ  มาใช้กับบริการสุขภาพ  ซึ่งหากมีการใช้งานประจำ ช่วยลดค่าเบี้ยไป 40%      และยังนำ AI มาใช้ในการเคลมประกัน  ตรวจสุขภาพรถยนต์     นอกจากนี้ยังจัดตั้งบริษัทลูกค้า  MAR  ขึ้นมาเน้นการพัฒนาเทคโนโลยี AI  โซลูชัน สำหรับธุรกิจประกันขึ้นมา 

ด้านนายวรเดช รุกขพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วี บียอนด์ ดีเวลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า  วี บียอนด์  เป็น พร็อบเทค  (Prop Tech)  ที่มีการใช้เทคโนโลยีมาใช้ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์   โดยเป็นแพลตฟอร์มซื้อขาย   และเชื่อมต่อมิติใหม่การลงทุน  ซึ่งอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ  ดึงเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้ามา

ถอดสูตรความคิด 4 นักธุรกิจรุ่นใหม่ “คิดต่าง สร้างธุรกิจทางเลือกใหม่”

ทั้งนี้สนับสนุนนโยบายภาครัฐ   โดยต้องการผลักดันไทยให้เป็นศูนย์กลางการเงินภูมิภาค  หรือ  ไฟแนนซ์ ฮับ แทนที่สิงคโปร์   ซึ่งไทยจะต้องมีการผ่อนปรนนโยบายการเงิน  และนโยบายดึงการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามา   รวมถึงใช้นโยบายเศรษฐกิจสีเขียว หรือ”กรีน” เป็นจุดสร้างการเปลี่ยนแปลง โดย “กรีน” ทำให้ต้นทุนการเงินต่ำลง  และสามารถดึงเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้ามา    

นายกรวัฒน์ เจียรวนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง Amity  กล่าวว่า ผู้ประกอบการไทย หรือสตาร์ทอัพ ไทยควรมองการทำธุรกิจโดยมีเป้าหมาย  Go to Regional   หรือ Go to Global  ประเทศไทยพูดถึงสตาร์ทอัพมานาน ถามว่าวันนี้ผู้ที่เข้ามาในอินเตอร์เน็ตยุคแรกหายไปไหน  ผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซ  เว็บพอร์ทัลของไทยหายไปไหน  สุดท้ายวันนี้เป็นผู้ให้บริการต่างประเทศที่เข้ามาคุมเกือบทั้งหมด   หรือ ทำไมประเทศไทยไม่มีโปรแกรมออฟฟิศ ของตัวเอง    ทำไมต้องใช้ไมโครซอฟท์ ออฟฟิศ   เพราะถ้ามีผู้พัฒนาออฟฟิศของคนไทยขึ้นมา สเกลไม่ได้  ไม่มีเม็ดเงินมาลงทุนวิจัยและพัฒนาแข่งกับไมโครซอฟท์  เรื่องซอฟต์แวร์เป็นเรื่องของ Global Game   หรือ Regional Game   ซอฟต์แวร์  หรือคลาวด์ วันนี้เป็นของต่างประเทศ

ถอดสูตรความคิด 4 นักธุรกิจรุ่นใหม่ “คิดต่าง สร้างธุรกิจทางเลือกใหม่”

“ผมมีความฝันตั้งแต่ตั้งบริษัทวันแรกเมื่อ 10 ปีที่แล้วว่าต้องการเป็นบริษัทโกลบอลเทค จากประเทศไทย ที่ซิลิกอนวัลเล่ย์ ยอมรับบริษัทอเมริกายอมรับ  9 ปีแรกไม่สำเร็จ เราเปิดตัวโปรดักส์หลายโปรดักส์ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ  ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะแข่งกับซิลิกอนวัลเล่ย์”

ในปี 2021 บริษัทได้เปิดตัวแพลตฟอร์ม Amity Social Cloud (ASC) ที่มีจุดเด่นให้ผู้พัฒนาแอปทั่วโลกสามารถสร้างเครือข่ายสังคมบนแอปพลิเคชันให้ลูกค้ามีส่วนร่วมได้มากแบบเฉพาะบุคคล มีฟีเจอร์ฮอตตอบโจทย์  เช่น แชต วิดีโอสตอรี กลุ่มสนทนา โซเชียลฟีด ไลฟ์สตรีมมิง และแชตบอท ซึ่งเอื้อให้องค์กรสามารถสร้างชุมชนโดยที่เป็นเจ้าของข้อมูลเองทั้งหมด  ซึ่งวันนี้เราเป็นอันดับหนึ่งของโลกในแพลตฟอร์มนี้บริษัทในแนสแดกหลายรายเป็นลูกค้าเรา ใช้เทคโนโลยีที่ผลิตจากประเทศไทย เช่นเดียวกับในยุโรป บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง เฟอรารี่  เป็นลูกค้าเรา

ซึ่งขอบอกว่าเป็นไปได้ ทำได้ มีโอกาส ไทยกับอาเซียนเป็นเทรนด์เซ็กเตอร์ แพลตฟอร์มที่ทำขึ้นมาที่ตอนนี้เป็นอันดับหนึ่งของโลก ถ้าวันนี้ไม่ได้อยู่ในประเทศไทยหรืออาเซียน เราคิดไม่ออก  เพราะวันนี้การใช้งานโซเชียลกับคอมมิวนิตี้ ในไทย กับอาเซียน คือท็อปของโลก  ซึ่งจากเทรนด์ที่เกิดขึ้น ทำให้เรามองเห็นโอกาสพัฒนาแพลตฟอร์มดังกล่าวขึ้นมา   โดยที่ในต่างประเทศไม่มี และเทคโนโลยีตามเราไม่ทัน     ซึ่งหลังพัฒนาเสร็จจึงรีบไปเปิดตลาดอเมริกา และยุโรป   เพราะคิดว่าถ้าไม่เป็นที่หนึ่งในอเมริกา สุดท้ายก็แพ้บริษัทต่างประเทศอยู่ดี