ตำรวจเตือนอีกรอบ รีบเช็ค "ใบสั่งออนไลน์" ค้างชำระต่อภาษีรถไม่ได้ 

13 ส.ค. 2566 | 04:41 น.

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันเชื่อมโยงข้อมูลกับกรมการขนส่งทางบกแล้ว แนะวิธีเช็คใบสั่งจราจรออนไลน์ ผ่านทาง E-Ticket PTM ระบุหาก "ใบสั่งค้างชำระ" มีผลต่อภาษีรถยนต์ประจำปี

มีคำเตือนมาจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ให้ประชาชนผู้ใช้รถไปจ่ายค่าปรับใบสั่งจราจรทุกประเภท เพราะหากไม่เสียค่าปรับจราจรตามกำหนด หรือ ไม่จ่ายค่าปรับใบสั่งจราจร จะมีผลต่อภาษีรถยนต์ประจำปี 

พ.ต.ท. ธ เทพ(ธะเทพ) ไชยชาญบุตร รองโฆษก ตร. กล่าวเตือนผู้ขับขี่ยานพาหนะที่ได้รับใบสั่งให้เสียค่าปรับจราจรอย่าปล่อยให้ค้างชำระ มิฉะนั้นจะมิได้รับเครื่องหมายแสดงภาษี และหากฝ่าฝืนอาจมีโทษปรับเพิ่มเติมในอัตราค่าปรับที่สูงอีกด้วย

ตำรวจเตือนอีกรอบ รีบเช็ค \"ใบสั่งออนไลน์\"  ค้างชำระต่อภาษีรถไม่ได้ 

รองโฆษก ตร. กล่าวว่า ตามมาตรการ “เสริมสร้างวินัยจราจรลดการกระทำผิดซ้ำเพื่อลดอุบัติเหตุ” ของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ที่ได้เริ่มต้นการรณรงค์และบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดมาตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นมาตรการตาม ม. 141/1 ของ พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 นั้น 

ล่าสุดตอนนี้ได้มีการประสานเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกรมการขนส่งทางบกแล้ว

และมีผลต่อผู้ขับขี่ยวดยานพาหนะที่ฝ่าฝืนกฎจราจรให้ไม่ได้รับความสะดวกในการรับเครื่องหมายการแสดงการชำระภาษีประจำปี และเป็นเหตุให้ต้องได้รับโทษปรับในการใช้ยานพาหนะที่มิได้แสดงป้ายการเสียภาษีในอัตราที่สูงอีกด้วย”

ตำรวจเตือนอีกรอบ รีบเช็ค \"ใบสั่งออนไลน์\"  ค้างชำระต่อภาษีรถไม่ได้ 

 

พ.ต.ท. ธ เทพ กล่าวว่า ใบสั่งที่ผู้ขับขี่ไม่ชำระค่าปรับในเวลาที่กำหนด (ใบสั่งทุกประเภท ทั้งแบบที่เขียนโดยเจ้าพนักงานจราจร รวมถึงใบสั่งกล้องที่ส่งทางไปรษณีย์ และทั้งใบสั่งอิเล็กทรอนิกส์) และเจ้าพนักงานจราจรออกหนังสือแจ้งเตือนให้ชำระค่าปรับตามใบสั่งอีกครั้ง ก็ยังฝ่าฝืนไม่ชำระค่าปรับในกำหนดเวลาตามหนังสือแจ้งเตือน ถือเป็น “ใบสั่งค้างชำระ” 

“เมื่อไปต่อภาษีรถยนต์ประจำปีนั้น หากขอชำระภาษีโดยไม่ชำระค่าปรับตามใบสั่งค้างชำระไปในคราวเดียวกันนั้น นายทะเบียนจะรับต่อภาษีประจำปีแต่จะไม่ออกเครื่องหมายแสดงการเสียภาษี (ป้ายภาษี) ให้

โดยจะออกหลักฐานชั่วคราวแทนป้ายภาษีซึ่งมีอายุ 30 วันให้ไปก่อน เพื่อให้ไปชำระค่าปรับที่ค้างชำระให้ครบถ้วนภายใน 30 วัน จึงจะมารับป้ายภาษีได้

ซึ่งถ้าหากยังฝ่าฝืนไม่ไปชำระค่าปรับและยังใช้ยานพาหนะนั้นบนท้องถนน เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบก็จะต้องเสียค่าปรับเป็นจำนวนเงินถึง 2,000 บาทต่อครั้งตาม ม.60 ของพ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. 2522 และทั้งจะถูกตัดคะแนนจราจรอีก 1 คะแนนต่อครั้ง ซึ่งอาจเป็นเหตุให้ถูกพักใช้ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์อีกด้วย

รองโฆษก ตร. กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกต่อประชาชน หากผู้ขับขี่ยวดยานพาหนะ ไม่แน่ใจว่าตนเองมีใบสั่งให้ไปชำระค่าปรับหรือมีใบสั่งค้างชำระหรือไม่ สามารถลงทะเบียนใช้งานและตรวจสอบได้ที่เว็บไซ้ต์ https://ptm.police.go.th หรือตู้บริการอเนกประสงค์ภาครัฐ 

โดยสามารถชำระค่าปรับตามใบสั่งหรือใบสั่งค้างชำระได้ที่

  • สถานีตำรวจทุกแห่ง
  • ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา
  • สำนักงานไปรษณีย์ทุกสาขา
  • จุดรับชำระเงินในเครือห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล
  • ตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงไทยหรือตู้บุญเติม
  • ชำระผ่าน แอปพลิเคชั่นกรุงไทย next แอปพลิเคชั่นเป๋าตัง
  • ชำระผ่านบัตรเครดิต ผ่านเว็บไซต์ E-Ticket PTM : https://ptm.police.go.th/eTicket
  • ชำระที่เคาน์เตอร์บริการที่มีสัญลักษณ์ PTM เช่น family mart / top supermarket / ไทวัสดุ เป็นต้น
  • หรือชำระผ่านระบบ Mobile Banking หรือ Internet Banking ของทุกธนาคาร

ซึ่งหากผู้ขับขี่ยวดยานพาหนะไม่มีใบสั่งคงค้าง หรือชำระค่าปรับเสร็จสิ้นแล้วก่อนการต่อภาษีประจำปี ก็จะสามารถได้รับป้ายการเสียภาษีทันทีที่ต่อภาษี

"เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงค่าปรับและเพื่อเป็นการเสริมสร้างวินัยจราจร ลดการกระทำผิดซ้ำเพื่อลดอุบัติเหตุ สำนักงานตำรวจแห่งชาติใคร่ขอให้ผู้ขับขี่ยวดยานพาหนะได้กรุณารักษากฎจราจรอย่างเคร่งครัด และหากมีข้อสงสัย สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ Call Center ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง"