ท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 ดีเลย์ ลุ้น “การท่าเรือ” ขยายสัมปทานกลุ่ม GPC

06 พ.ค. 2566 | 07:20 น.

“การท่าเรือ” เล็งเปิดประมูลงานส่วนที่ 2 รอบใหม่ สร้างท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 เริ่ม ก.ค.นี้ คาดได้ตัวผู้รับเหมาภายในก.ย. 66 เผยสาเหตุงานก่อสร้างล่าช้า เสี่ยงกระทบสัญญาร่วมทุน ลุ้นเจรจาขยายสัมปทาน อุ้มกลุ่มกิจการร่วมค้า GPC

ท่าเรือแหลมฉบัง เฟส3 ท่าเรือF หนึ่งในหัวใจสำคัญของโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน ทางการค้า ซึ่งปัจจุบันการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เร่งผลักดันให้เสร็จ ตามเป้าหมายโดยเร็ว แม้จะมีความล่าช้าอยู่บ้าง 
     
นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าโครงการท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ปัจจุบันงานก่อสร้างส่วนของภาครัฐมีความล่าข้ากว่าแผน เบื้องต้น กทท.คาดว่าจะสามารถเร่งรัดผู้รับเหมาเพื่อส่งมอบพื้นที่ให้กลุ่มกิจการร่วมค้า GPC ได้ทันภายในเดือนพฤศจิกายน 2566 ตามข้อตกลงที่ได้ทำร่วมกันไว้ ขณะที่โครงการท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 ท่าเทียบเรือ F คาดก่อสร้างแล้วเสร็จเปิดให้บริการตามแผนภายในปี 2568

รายงานข่าวจากการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) กล่าวว่า ขณะนี้โครงการฯมีความล่าช้าต่อเนื่อง เพราะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ผู้รับเหมาไม่สามารถเข้าพื้นที่งานก่อสร้างได้ ทั้งนี้ กทท.ต้องดำเนินการก่อสร้าง 4 ส่วน ประกอบด้วย ส่วนที่ 1 งานก่อสร้างทางทะเล ส่วนที่ 2 งานก่อสร้างอาคาร ท่าเทียบเรือ ระบบถนนและระบบสาธารณูปโภค ส่วนที่ 3 งานก่อสร้างระบบรถไฟ และส่วนที่ 4 งานจัดหาประกอบและติดตั้งเครื่องจักรและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ 

 

รายงานข่าวจากกทท.กล่าวต่อว่า ส่วนที่ 1 งานก่อสร้างทางทะเล พบว่าภาพรวมงานก่อสร้างทั้ง 3 ช่วงล่าช้า แต่ทางเอกชนผู้รับเหมาโครงการฯได้มีการทยอยจ่ายค่าปรับแล้ว ซึ่งสถานการณ์ในขณะนี้ยอมรับว่า หากงานก่อสร้างทางทะเลไม่ทันกรอบที่กำหนด จะส่งผลกระทบต่อการส่งมอบพื้นที่ให้กับเอกชนคู่สัญญาร่วมทุนโครงการท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 หรือกลุ่มกิจการร่วมค้า GPC 
 

“ขณะนี้งานถมทะเลคืบหน้าไปเรื่อย ๆ เราพยายามเร่งรัดผู้รับจ้างก่อสร้างให้ทันตามกำหนด หากผู้รับจ้างทำงานล่าช้า จะถูกปรับตามสัญญา หลังจากนี้ผู้คุมงานต้องหารือร่วมกับคณะทำงานเพิ่มเติมเพื่อประเมินความเสี่ยง ว่าจะมีความเสี่ยงกรณีที่ทำให้งานล่าช้า,ส่งผลกระทบต่อการส่งมอบงาน รวมทั้งกระทบสัญญาอื่นอีกหรือไม่”

ท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 ดีเลย์ ลุ้น “การท่าเรือ” ขยายสัมปทานกลุ่ม GPC

ขณะเดียวกันนอกจากปัญหาความล่าช้าของงานก่อสร้างทางทะเลแล้ว ปัจจุบัน กทท.อยู่ระหว่างเตรียมเปิดประกวดราคาจัดหาเอกชนรับเหมางานส่วนที่ 2 งานก่อสร้างอาคารท่าเทียบเรือ ระบบถนนและระบบสาธารณูปโภค ซึ่งถือว่าการดำเนินงาน ขณะนี้ล่าช้าไปกว่าแผน เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา กทท.ได้เปิดประกวดราคาจัดหาผู้รับเหมาแล้ว แต่พบว่ามีเอกชนยื่นข้อเสนอเพียงรายเดียว ทำให้ต้องยกเลิกการประกวดราคาออกไป

 

ทั้งนี้ กทท.ยังอยู่ระหว่างเตรียมเปิดประมูลงานส่วนที่ 2 โดยจะเปิดประชาพิจารณ์เอกสารประกวดราคา (TOR) ภายในเดือนพฤษภาคมนี้ หลังจากนั้นจะเริ่มขั้นตอนคัดเลือกเอกชนภายในเดือนกรกฎาคม 2566 คาดการณ์ว่าจะได้ตัวเอกชนรับเหมางานส่วนที่ 2 ภายในเดือนกันยายน 2566 

 

สำหรับการประกวดราคาครั้งนี้ หากมีเอกชนมายื่นข้อเสนอเพียงรายเดียว กทท.จะเสนอเอกชนรายดังกล่าวให้คณะกรรมการ (บอร์ด) กทท.พิจารณาผลการประกวดราคา เนื่องจากงานส่วนที่ 2 ปัจจุบันล่าช้าอย่างมาก หากยังไม่เริ่มดำเนินการอาจจะกระทบต่อการส่งมอบพื้นที่ให้กลุ่มกิจการร่วมค้า GPC

 

“ส่วนสาเหตุที่จะนำไปสู่การเจรจาแก้สัญญาร่วมลงทุนท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 นั้น เนื่องจากเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญาดังกล่าว กทท.จะต้องส่งมอบพื้นที่ไม่เกิน 4 ปี หลังลงนามสัญญาร่วมลงทุน หรือไม่เกินภายในเดือนกันยายน 2568 หากปัจจุบันงานก่อสร้างส่วนที่ 2 ยังไม่สามารถเริ่มดำเนินการได้ภายในกันยายนนี้ เชื่อว่าจะมีความเสี่ยงสูงที่อาจทำให้ กทท.ผิดสัญญาในการส่งมอบพื้นที่ได้” 

 

นอกจากนี้หากจำเป็นต้องเจรจาแก้ไขสัญญาร่วมลงทุน ถือเป็นทางออกที่สามารถดำเนินการได้ เพราะสัญญาฉบับนี้ได้มีการระบุเงื่อนไขแนบท้าบสัญญาไว้แล้วว่า สามารถเจรจาแก้ไขรายละเอียดได้ หากมีผลกระทบที่เกิดจากสถานการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ โดย กทท.ประเมินว่าทางออกของการเจรจามี 2 แนวทาง ประกอบด้วย 1.การลดหย่อนค่าสัมปทาน ผลตอบแทนที่จะมอบให้แก้รัฐ และ 2.ขยายเวลาสัญญาสัมปทาน 

 

อย่างไรก็ตามจากการประเมินแนวทางที่เหมาะสมของโครงการฯ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ตอบแทนแก่รัฐ คือ การเจรจาขยายเวลาสัญญาสัมปทาน เพราะนอกจากจะทำให้รัฐยังไม่ผลประโยชน์ตอบแทนเช่นเดิมแล้ว ยังทำให้เอกชนมีโอกาสในการบริหารสัญญาเพิ่มขึ้นจากผลกระทบที่ได้รับด้วย แต่การเจรจาจะเกิดขึ้นหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการประกวดราคางานภาครัฐส่วนที่ 2 ว่าจะสามารถดำเนินการได้ทันตามกรอบที่กำหนดหรือไม่