ตลาดรถยนต์ฟิลิปปินส์ 2เดือนพุ่ง 34% โอกาสผู้ส่งออกไทย

15 เม.ย. 2566 | 06:18 น.

พาณิชย์ ชี้ยอดขายตลาดรถฟิลิปปินส์ 2 เดือนแรก โตพุ่ง 34% ปัจจัยหนุนเพียบ โอกาสผู้ส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์ไทยสร้างเงิน

นายบุณย์ธีร์ พานิชประไพ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ในฟิลิปปินส์มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2565 ประเทศฟิลิปปินส์มียอดขายรถยนต์รวม 352,596 คัน และในปี 2566 หอการค้าผู้ผลิตยานยนต์แห่งฟิลิปปินส์ และสมาคมผู้ผลิตรถบรรทุก

นายบุณย์ธีร์ พานิชประไพ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

ได้รายงานยอดขายรถยนต์เดือน ก.พ. 2566 มีจำนวนสูงถึง 30,905 คัน เพิ่มขึ้นถึง27.2% และยอดรวม 2 เดือนแรก ปี 66 มีจำนวน 60,404 คัน เพิ่มขึ้น 34% จากช่วงเดียวกันของปี 65 สะท้อนถึงสัญญาณเชิงบวกของตลาดรถยนต์ในฟิลิปปินส์ ซึ่งปัจจัยสนับสนุนหลักเกิดจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้กลับมาขับเคลื่อนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพส่งผลให้ความต้องการซื้อรถยนต์ใหม่ทั้งรถยนต์ส่วนบุคคลและรถยนต์เชิงพาณิชย์เพิ่มมากขึ้น

ตลาดรถยนต์ฟิลิปปินส์ 2เดือนพุ่ง  34% โอกาสผู้ส่งออกไทย

ตลาดฟิลิปปินส์เป็นหนึ่งในตลาดส่งออกรถยนต์สำคัญของไทยและเป็นสินค้าที่ไทยส่งออกมายังประเทศฟิลิปปินส์เป็นอันดับ 1 ซึ่งตลาดนี้ยังคงเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงและสามารถเติบโตได้อีกมากจากปัจจัยสนับสนุนจำนวนประชากรขนาดใหญ่ อัตราการเป็นเจ้าของรถยนต์ยังอยู่ในระดับต่ำ รวมถึงปัจจัยหนุนอื่นทั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการเร่งพัฒนาโครงสร้าง พื้นฐานของประเทศ ซึ่งจะช่วยผลักดันให้เกิดความต้องการรถยนต์เพิ่มมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการไทยควรติดตาม สถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากยังมีปัจจัยเสี่ยงต่างๆที่อาจเกิดขึ้นโดยเฉพาะภาวะอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น ให้ปรับแผนกลยุทธ์รองรับที่เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอต่อสถานการณ์ที่อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

ตลาดรถยนต์ฟิลิปปินส์ 2เดือนพุ่ง  34% โอกาสผู้ส่งออกไทย

ข้อมูลจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศระบุว่า สถานการณ์การส่งออกสินค้ารถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบของไทยไปฟิลิปปินส์ขยายตัวดีขึ้นตามการฟื้นตัวของตลาดรถยนต์ในฟิลิปปินส์โดยในปี 2565 ไทยส่งออกรถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบมายังฟิลิปปินส์มูลค่า 1,891.39 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 11.47 % จากปี 64 และสำหรับเดือนมกราคม ปี 66 มีมูลค่า 158.98 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 48.05%