พาณิชย์ขนข้าวอินทรีย์ไทยลุย2งานใหญ่ที่ดูไบและเยอรมัน

14 ก.พ. 2566 | 03:02 น.

พาณิชย์ขนข้าวอินทรีย์ไทยลุย2งานใหญ่ ที่ดูไบและเยอรมันในเดือนกุมภาพันธ์นี้  ชี้2ตลาดเป็นตลาดใหญ่ที่จะช่วยกระจายข้าวไทยไปยังภูมิภาคอื่น

นางมนัสนิตย์ จิรวัฒน์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 กรมการค้าต่างประเทศได้จัดคณะผู้แทนกรมฯ เดินทางไปเข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติระดับโลกใน 2 ภูมิภาค ได้แก่ งาน BIOFACH 2023 ครั้งที่ 33 ในระหว่างวันที่ 14 – 17 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อจัดกิจกรรมส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ข้าวอินทรีย์และผลิตภัณฑ์ข้าวอินทรีย์ของไทย

นางมนัสนิตย์ จิรวัฒน์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ

 

ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าเกษตรอินทรีย์นานาชาติที่ใหญ่ที่สุดของโลก จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ณ เมืองนูเรมเบิร์ก สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี โดยในงาน กรมฯ จะจัดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับข้าวอินทรีย์ไทย พร้อมทั้งจัดแสดงตัวอย่างสินค้าข้าวอินทรีย์ไทย เช่น ข้าวหอมมะลิไทยอินทรีย์ และข้าวไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์ เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังได้นำผู้ประกอบการข้าวอินทรีย์และผลิตภัณฑ์ข้าวอินทรีย์ของไทยไปจัดแสดงตัวอย่างสินค้าข้าวอินทรีย์ไทยและผลิตภัณฑ์จากข้าวอินทรีย์ของไทย เช่น แป้งข้าวอินทรีย์ เครื่องดื่มจากข้าวอินทรีย์ และขนมอบกรอบที่ทำจากข้าวอินทรีย์ เป็นต้น รวมถึงการเจรจาธุรกิจการค้ากับผู้นำเข้าข้าวภายในงานด้วย

พาณิชย์ขนข้าวอินทรีย์ไทยลุย2งานใหญ่ที่ดูไบและเยอรมัน

“ สหภาพยุโรปเป็นตลาดสินค้าอินทรีย์และข้าวอินทรีย์ของไทยที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เนื่องจากมีกลุ่มผู้บริโภคที่มีศักยภาพ รักและใส่ใจในสุขภาพ สนใจสินค้าปลอดกลูเตน (Gluten Free) ให้ความสำคัญกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2565 ไทยส่งออกข้าวอินทรีย์ไปสหภาพยุโรปปริมาณ 8,740 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่ส่งออกปริมาณ 7,343 ตัน หรือเพิ่มขึ้น 19% ซึ่งสหภาพยุโรปถือสัดส่วนปริมาณการส่งออกข้าวอินทรีย์ไทย 40% ของปริมาณการส่งออกข้าวอินทรีย์ทั้งหมดของไทย”

พาณิชย์ขนข้าวอินทรีย์ไทยลุย2งานใหญ่ที่ดูไบและเยอรมัน

ส่วน งาน Gulfood 2023 ครั้งที่ 28 ในระหว่างวันที่ 20 – 24 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อจัดกิจกรรมส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ข้าวไทยชนิดต่างๆ ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคตะวันออกกลาง จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ด้วยในฐานะที่เป็นศูนย์กลางการค้าและเป็นจุด re-export สินค้าที่สำคัญที่สุดในภูมิภาคตะวันออกกลาง

โดยภายในงานกรมฯ จะจัดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับความหลากหลายของข้าวไทยควบคู่กับเครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทย และจัดแสดงตัวอย่างข้าวไทยชนิดต่างๆ เช่น ข้าวหอมมะลิไทย ข้าวขาว และข้าวนึ่ง เป็นต้น รวมทั้งข้าวคุณลักษณะพิเศษ เช่น ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวสังข์หยด และข้าว กข43 เป็นต้น พร้อมทั้งมีการสาธิตการหุงข้าวไทยและแจกให้ผู้เข้าเยี่ยมชมภายในคูหาของกรมฯได้ทดลองชิมคู่กับอาหารไทยด้วย

พาณิชย์ขนข้าวอินทรีย์ไทยลุย2งานใหญ่ที่ดูไบและเยอรมัน

 

ทั้งนี้ ภูมิภาคตะวันออกกลางนับว่าเป็นตลาดส่งออกข้าวที่สำคัญของไทยโดยถือสัดส่วน 26 %ของปริมาณการส่งออกข้าวไทยทั้งหมด โดยประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลางที่ไทยส่งออกไปมากที่สุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ อิรัก เยเมน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อิสราเอล ตุรกี และโอมาน สำหรับในปี 2565 ไทยส่งออกข้าวไปภูมิภาคตะวันออกกลางปริมาณ 2.02 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่ส่งออกปริมาณ 0.63 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้น 220% โดยส่วนใหญ่เป็นการส่งออกข้าวขาว รองลงมาคือ ข้าวหอมมะลิไทย

“นับว่าเป็นโอกาสและช่องทางที่ดีของกรมฯ ในการประชาสัมพันธ์ข้าวไทยให้ผู้นำเข้าและผู้บริโภคในต่างประเทศเกิดการรับรู้ จดจำ และเชื่อมั่นในคุณภาพ มาตรฐาน และความปลอดภัยของข้าวไทยซึ่งจะช่วยรักษาส่วนแบ่งตลาดและกระตุ้นการซื้อข้าวไทยและผลิตภัณฑ์จากข้าวไทยในสหภาพยุโรปและตะวันออกกลางให้เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ดี กรมฯ มีแผนที่จะจัดคณะผู้แทนเดินทางไปจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในงานแสดงสินค้านานาชาติระดับโลกในภูมิภาคอื่นอีกด้วย”