ดันไทยผู้นำตลาดข้าวคุณภาพโลก เปิดจุดบริการตรวจDNAข้าวไทย

22 ธ.ค. 2565 | 04:08 น.

ดันไทยผู้นำตลาดข้าวคุณภาพโลก “พาณิชย์”เปิดจุดบริการตรวจDNAข้าวไทยที่ ศูนย์วิจัยข้าวอุบลราชธานี เดินหน้าการค้าข้าวไทยสู่ตลาดโลกด้วยคุณภาพมาตรฐาน

 

นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมา คต. ได้ร่วมมือกับกรมการข้าวเดินหน้าดำเนินการตามยุทธศาสตร์ข้าวไทย ปี 2563 - 2567 ในการพัฒนายกระดับการอำนวยความสะดวกการส่งออกและสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันข้าวไทยในตลาดโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยกระดับประเทศไทยไปสู่การเป็นผู้นำตลาดข้าวคุณภาพของโลกผ่านการพัฒนาหน่วยบริการตรวจสอบมาตรฐานข้าวไทย

 

นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ

 

และขณะนี้ความร่วมมือดังกล่าวบรรลุผลสำเร็จแล้ว โดย คต. ได้ผลักดันการจัดตั้งหน่วยบริการตรวจสอบดีเอ็นเอข้าวไทย ณ ศูนย์วิจัยข้าวอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี เป็นของขวัญปีใหม่แก่ผู้ประกอบการค้าข้าวไทยได้เป็นผลสำเร็จ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้การค้าข้าวของประเทศไทย โดยเฉพาะข้าวคุณภาพระดับโลกอย่างข้าวหอมมะลิไทยขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงปี 2567 

ที่คาดว่าจะมีปริมาณการค้าข้าวในตลาดโลกขยายตัวทดแทนธัญพืชอื่น ๆ ที่เกิดภาวะขาดแคลน ตลอดจนเป็นการสร้างทางเลือกให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในวงการค้าข้าวตั้งแต่ระดับต้นน้ำถึงปลายน้ำ ไม่ว่าเกษตรกร โรงสี และผู้ประกอบการค้าข้าว สามารถเข้าถึงบริการตรวจสอบการปลอมปนพันธุ์ข้าวด้วยเทคโนโลยีดีเอ็นเอที่ทันสมัยและแม่นยำสูงได้อย่างสะดวก และรวดเร็ว ด้วยต้นทุนที่ต่ำลง กระตุ้นให้เกิดการรักษาคุณภาพมาตรฐานข้าวไทยทั้งระบบ ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญตอกย้ำความเชื่อมั่นในคุณภาพมาตรฐานข้าวไทยในตลาดโลก

 

ดันไทยผู้นำตลาดข้าวคุณภาพโลก เปิดจุดบริการตรวจDNAข้าวไทย

สำหรับปี 2565 ภาพรวมการค้าข้าวไทยถือได้ว่าสดใส โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิไทย ในช่วง 10 เดือนแรก (ม.ค. - ต.ค.) มีการส่งออกแล้ว 1.28 ล้านตัน เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 27 จากช่วงเดียวกันของปี 2564 และมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง เนื่องจากภาคเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าฟื้นตัวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงการปลดล็อคนโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Zero-COVID Policy) ของจีน 

อีกทั้ง ผู้ซื้อ ผู้นำเข้า และผู้บริโภคในต่างประเทศที่ยังคงเชื่อมั่นในคุณภาพมาตรฐานข้าวไทย ซึ่งการเปิดศูนย์วิจัยข้าวอุบลราชธานี เป็นหน่วยบริการตรวจสอบดีเอ็นเอข้างต้น จะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและเป็นแต้มต่อทางการตลาดของข้าวไทยในสถานการณ์การแข่งขันที่รุนแรงของตลาดข้าวในปัจจุบัน