‘คาร์มาร์ท’เปิดตัว3โมเดลใหม่ ปั้นแบรนด์‘รื่นรมย์’ขายสินค้าสปาไทย
คาร์มาร์ท ปั้นแบรนด์สินค้าสมุนไพรและสปา "รื่นรมย์" ชู 3 โมเดลใหม่ร้านขาย ทั้ง รื่นรมย์ เอ็กซ์เพรสและ รื่นรมย์ เอเวอรี่เดย์ หวังเป็นฐานการสร้างแบรนด์สินค้า ก่อนขายแฟรนไชส์ตีตลาดในต่างประเทศ พร้อมเดินหน้าเพิ่มไลน์สินค้าให้ครบ 200 รายการในปีหน้า
[caption id="attachment_92636" align="aligncenter" width="335"]
พงศ์วิวัฒน์ ทีฆคีรีกุล
ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด และสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ บริษัท คาร์มาร์ท จำกัด (มหาชน)[/caption]
นายพงศ์วิวัฒน์ ทีฆคีรีกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด และสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ บริษัท คาร์มาร์ท จำกัด (มหาชน) ผู้นำเข้า ส่งออก และจัดจำหน่ายเครื่องสำอาง อาทิ แบรนด์คาร์มาร์ท (Karmart) และรื่นรมย์ (Reunrom) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ได้วางแผนขยายธุรกิจสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์สปา และสมุนไพร ภายใต้แบรนด์รื่นรมย์ ด้วยการขยายช่องทางจัดหน่ายในรูปแบบร้าน 3 โมเดลใหม่ ได้แก่ คีออสขนาดเล็ก ร้านสแตนด์อะโลน และร้านขายอาหารและสินค้าในลักษณะไลฟ์สไตล์ช็อป นอกเหนือจากการขยายช่องทางจำหน่ายในโมเดิร์นเทรดรูปแบบต่างๆ
สำหรับรูปแบบร้านที่วางแผนไว้จะประกอบด้วย 3 รูปแบบ ได้แก่ 1. รูปแบบคีออสที่จำหน่ายภายในห้างสรรพสินค้า ที่ใช้ชื่อร้าน รื่นรมย์ เอเวอรี่เดย์ (Reunrom Everyday) มีขนาดพื้นที่ประมาณ 15-30 ตารางเมตร ซึ่งจะจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์สินค้าส่วนบุคคลและสินค้าสปา 2. รูปแบบสแตนด์อะโลน ซึ่งจะเป็นอาคารพาณิชย์ขนาดประมาณ 1 คูหา ตั้งอยู่ในเขตชุมชน หรือพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ตามหัวเมืองต่างๆ เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ พัทยา เป็นต้น และในพื้นที่กรุงเทพฯ เช่น สีลม ประตูน้ำ เป็นต้น โดยใช้ชื่อร้าน (Reunrom Everyday) ที่จะขายสินค้าทุกอย่างของแบรนด์รื่นรมย์
ส่วนรูปแบบที่ 3 จะเป็นร้านขนาดเล็กที่ใช้พื้นที่ประมาณ 15-20 ตารางเมตร อยู่นอกห้างสรรพสินค้า แต่อยู่ในแหล่งงานหรือแหล่งชุมชน ที่วางคอนเซ็ปต์เป็นร้านไลฟ์สไตล์ช็อป ที่จำหน่ายทั้งสินค้าแบรนด์รื่นรมย์ และจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม และอาหารเพื่อสุขภาพ โดยใช้ชื่อร้าน รื่นรมย์ เอ็กซ์เพรส (Reunrom Express) ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มทดลองร้านสาขาต้นแบบที่สำนักงานใหญ่ของบริษัท เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ รวมถึงการวางระบบบริหารจัดการต่างๆ ภายในร้าน เนื่องจากในอนาคตวางแผนนำรูปแบบร้านทั้ง 3 แบบ ขยายตลาดไปในต่างประเทศด้วย โดยจะเป็นลักษณะการขายแฟรนไชส์
"ปีนี้คาดว่าจะขยายร้านรื่นรมย์ เอเวอรี่เดย์ ที่เป็นร้านค้าเดียวครบวงจรได้ 3-4 แห่ง ซึ่งภายในร้านจะมีการจำหน่ายสินค้าทุกไลน์ของแบรนด์รื่นรมย์ รวมถึงมีการให้บริการสปาครบวงจร การจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม"นายพงศ์วิวัฒน์กล่าวและว่า
ส่วนงบประมาณการลงทุนร้านในแต่ละรูปแบบยังไม่สามารถกำหนดได้ ซึ่งแบรนด์รื่นรมย์เพิ่มเริ่มทำตลาดอย่างจริงจังในปีนี้ จึงยังอยู่ในขั้นตอนการวางแผนธุรกิจว่าจะเป็นอย่างไร แต่รูปแบบร้านทั้งหมดบริษัทวางแผนไว้ว่าจะใช้เป็นโมเดลธุรกิจ เพื่อขายแฟรนไชส์ให้กับผู้สนใจทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าในปี 2561 น่าจะเป็นปีแรกที่ขายแฟรนไชส์ได้ โดยมีตลาดที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็น จีน เกาหลี และญี่ปุ่น"
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายมีอยู่ประมาณ 20 รายการ โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล อาทิ สบู่ ครีมอาบน้ำ และแชมพู เป็นต้น และกลุ่มผลิตภัณฑ์สปา อาทิ เทียนหอม ลูกประคบ และน้ำมันนวดตัว เป็นต้น ซึ่งราคาจำหน่ายตั้งแต่ 29 -500 บาท ซึ่งบริษัทวางแผนการเพิ่มสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยจะมีสินค้าให้ครบประมาณ 200 รายการ
สำหรับตลาดสินค้าสมุน ไพรและผลิตภัณฑ์สปา ถือว่าเป็นตลาดที่มีโอกาสและศักยภาพในการเติบโตสูง เนื่องจากประเทศไทยมีชื่อเสียงในกลุ่มผลิตภัณฑ์ดังกล่าวโดยแนวทางการทำตลาดจะเน้นความเป็นไทย กลิ่นสถานที่ท่องเที่ยว และการส่งเสริมวัฒนธรรมมาใช้เป็นแนวทางสร้างจุดเด่นให้ผลิตภัณฑ์ รวมถึงการนำเอาบุคคลที่มีอิทธิพลในสังคม มาช่วยสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ร้านจำหน่ายทั้ง 3 รูปแบบดังกล่าว ในเบื้องต้นบริษัทไม่ได้เน้นการสร้างยอดขายเป็นหลัก แต่จะเน้นการสร้างแบรนด์และการประชาสัมพันธ์ ส่วนช่องทางขายในรูปแบบอื่นๆ บริษัทยังขยายอย่างต่อเนื่องเช่น ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น เนื่องจากปัจจุบันยังกระจายสินค้าได้เพียง 10-15% ของช่องทางโมเดิร์นเทรดทั้งหมด
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,188 วันที่ 1 - 3 กันยายน พ.ศ. 2559
[caption id="attachment_92636" align="aligncenter" width="335"]
ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด และสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ บริษัท คาร์มาร์ท จำกัด (มหาชน)[/caption]
นายพงศ์วิวัฒน์ ทีฆคีรีกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด และสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ บริษัท คาร์มาร์ท จำกัด (มหาชน) ผู้นำเข้า ส่งออก และจัดจำหน่ายเครื่องสำอาง อาทิ แบรนด์คาร์มาร์ท (Karmart) และรื่นรมย์ (Reunrom) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ได้วางแผนขยายธุรกิจสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์สปา และสมุนไพร ภายใต้แบรนด์รื่นรมย์ ด้วยการขยายช่องทางจัดหน่ายในรูปแบบร้าน 3 โมเดลใหม่ ได้แก่ คีออสขนาดเล็ก ร้านสแตนด์อะโลน และร้านขายอาหารและสินค้าในลักษณะไลฟ์สไตล์ช็อป นอกเหนือจากการขยายช่องทางจำหน่ายในโมเดิร์นเทรดรูปแบบต่างๆ
สำหรับรูปแบบร้านที่วางแผนไว้จะประกอบด้วย 3 รูปแบบ ได้แก่ 1. รูปแบบคีออสที่จำหน่ายภายในห้างสรรพสินค้า ที่ใช้ชื่อร้าน รื่นรมย์ เอเวอรี่เดย์ (Reunrom Everyday) มีขนาดพื้นที่ประมาณ 15-30 ตารางเมตร ซึ่งจะจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์สินค้าส่วนบุคคลและสินค้าสปา 2. รูปแบบสแตนด์อะโลน ซึ่งจะเป็นอาคารพาณิชย์ขนาดประมาณ 1 คูหา ตั้งอยู่ในเขตชุมชน หรือพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ตามหัวเมืองต่างๆ เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ พัทยา เป็นต้น และในพื้นที่กรุงเทพฯ เช่น สีลม ประตูน้ำ เป็นต้น โดยใช้ชื่อร้าน (Reunrom Everyday) ที่จะขายสินค้าทุกอย่างของแบรนด์รื่นรมย์
ส่วนรูปแบบที่ 3 จะเป็นร้านขนาดเล็กที่ใช้พื้นที่ประมาณ 15-20 ตารางเมตร อยู่นอกห้างสรรพสินค้า แต่อยู่ในแหล่งงานหรือแหล่งชุมชน ที่วางคอนเซ็ปต์เป็นร้านไลฟ์สไตล์ช็อป ที่จำหน่ายทั้งสินค้าแบรนด์รื่นรมย์ และจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม และอาหารเพื่อสุขภาพ โดยใช้ชื่อร้าน รื่นรมย์ เอ็กซ์เพรส (Reunrom Express) ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มทดลองร้านสาขาต้นแบบที่สำนักงานใหญ่ของบริษัท เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ รวมถึงการวางระบบบริหารจัดการต่างๆ ภายในร้าน เนื่องจากในอนาคตวางแผนนำรูปแบบร้านทั้ง 3 แบบ ขยายตลาดไปในต่างประเทศด้วย โดยจะเป็นลักษณะการขายแฟรนไชส์
"ปีนี้คาดว่าจะขยายร้านรื่นรมย์ เอเวอรี่เดย์ ที่เป็นร้านค้าเดียวครบวงจรได้ 3-4 แห่ง ซึ่งภายในร้านจะมีการจำหน่ายสินค้าทุกไลน์ของแบรนด์รื่นรมย์ รวมถึงมีการให้บริการสปาครบวงจร การจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม"นายพงศ์วิวัฒน์กล่าวและว่า
ส่วนงบประมาณการลงทุนร้านในแต่ละรูปแบบยังไม่สามารถกำหนดได้ ซึ่งแบรนด์รื่นรมย์เพิ่มเริ่มทำตลาดอย่างจริงจังในปีนี้ จึงยังอยู่ในขั้นตอนการวางแผนธุรกิจว่าจะเป็นอย่างไร แต่รูปแบบร้านทั้งหมดบริษัทวางแผนไว้ว่าจะใช้เป็นโมเดลธุรกิจ เพื่อขายแฟรนไชส์ให้กับผู้สนใจทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าในปี 2561 น่าจะเป็นปีแรกที่ขายแฟรนไชส์ได้ โดยมีตลาดที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็น จีน เกาหลี และญี่ปุ่น"
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายมีอยู่ประมาณ 20 รายการ โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล อาทิ สบู่ ครีมอาบน้ำ และแชมพู เป็นต้น และกลุ่มผลิตภัณฑ์สปา อาทิ เทียนหอม ลูกประคบ และน้ำมันนวดตัว เป็นต้น ซึ่งราคาจำหน่ายตั้งแต่ 29 -500 บาท ซึ่งบริษัทวางแผนการเพิ่มสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยจะมีสินค้าให้ครบประมาณ 200 รายการ
สำหรับตลาดสินค้าสมุน ไพรและผลิตภัณฑ์สปา ถือว่าเป็นตลาดที่มีโอกาสและศักยภาพในการเติบโตสูง เนื่องจากประเทศไทยมีชื่อเสียงในกลุ่มผลิตภัณฑ์ดังกล่าวโดยแนวทางการทำตลาดจะเน้นความเป็นไทย กลิ่นสถานที่ท่องเที่ยว และการส่งเสริมวัฒนธรรมมาใช้เป็นแนวทางสร้างจุดเด่นให้ผลิตภัณฑ์ รวมถึงการนำเอาบุคคลที่มีอิทธิพลในสังคม มาช่วยสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ร้านจำหน่ายทั้ง 3 รูปแบบดังกล่าว ในเบื้องต้นบริษัทไม่ได้เน้นการสร้างยอดขายเป็นหลัก แต่จะเน้นการสร้างแบรนด์และการประชาสัมพันธ์ ส่วนช่องทางขายในรูปแบบอื่นๆ บริษัทยังขยายอย่างต่อเนื่องเช่น ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น เนื่องจากปัจจุบันยังกระจายสินค้าได้เพียง 10-15% ของช่องทางโมเดิร์นเทรดทั้งหมด
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,188 วันที่ 1 - 3 กันยายน พ.ศ. 2559