‘ฟู้ด ออฟ เอเชีย’ แรงผลักกลุ่มไทยเบฟ สู่ผู้นำธุรกิจอาหารครบวงจร

17 ส.ค. 2559 | 12:00 น.
หลังจากกลุ่มบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ภายใต้การนำของ "ฐาปน สิริวัฒนภักดี" กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ออกมาประกาศวิชัน 2020 (ปี 2558-2563) ในปีที่ผ่านมากับการก้าวสู่ความเป็นอาเซียนแบรนด์ กับ 3 ขาธุรกิจหลักอันได้แก่ สุรา เบียร์ และเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์ และล่าสุดกับความคืบหน้ากับกลุ่มธุรกิจ "อาหาร" ที่แม้จะยังไม่ใช่ธุรกิจเสาหลักในปัจจุบันหากแต่เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ไทยเบฟเริ่มผลักดันและให้ความสำคัญในการสร้างการเติบโตมากขึ้น

"ฐานเศรษฐกิจ" ได้มีโอกาสร่วมพูดคุยกับอัพเดตแผนงานของไทยเบฟกับ "ฐาปน สิริวัฒนภักดี" อีกครั้งในฐานะ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย "มารุต บูรณะเศรษฐกุล" อีกหนึ่งแม่ทัพใหญ่ของไทยเบฟในฐานะกรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัท รวมถึงทิศทางการเติบโตนับจากนี้

เปิด "ฟู้ด ออฟ เอเชีย" เสริมพอร์ตธุรกิจอาหาร

ฐาปน เล่าว่า ไทยเบฟจะเริ่มให้ความสำคัญกับการขยายธุรกิจอาหาร เนื่องจากไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคในยุคปัจจุบันนิยมรับประทานอาหารนอกบ้านและต้องการรองรับความต้องการดังกล่าว จึงได้ก่อตั้งบริษัทใหม่ในเครือขึ้นในชื่อ "ฟู้ด ออฟ เอเชีย"(Food of Asia : FOA) เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา และใช้เงินลงทุนไปแล้วหลักร้อยล้านบาท ซึ่งจะใช้ในการดำเนินธุรกิจอาหารที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอาหารญี่ปุ่น เนื่องจากมีโออิชิที่ดำเนินธุรกิจอาหารญี่ปุ่นอยู่แล้ว

"เรามีเป้าหมายคือการเป็นบริษัทที่มีอุตสาหกรรมอาหารครบวงจร โดยมีเป้าหมายวิชัน 2020 คืออยากให้FOA สามารถสร้างผลกำไรได้ โดยแนวทางการดำเนินธุรกิจของ FOA นับจากนี้จะเน้นการทำตลาดแบบรีเทล (ค้าปลีก) โดยเน้นแบบเอ็กซ์พีเรียน ไดนิ่ง เพื่อเป็นการสร้างมูลค่าให้ธุรกิจ เนื่องจากอุตสาหกรรมอาหารในเอเชีย รวมถึงไทยมีความหลากหลายมาก ทั้งเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ แปรรูปสินค้าเกษตร อาหารแช่แข็ง(โฟรเซน ฟูด) อาหารแช่เย็นพร้อมทาน(ชิลล์ ฟูด) โดยขณะนี้บริษัทขอโฟกัสค้าปลีกก่อน เน้นสร้างประสบการณ์ในการรับประทานอาหารให้แก่ผู้บริโภคก่อน แต่จะไม่เข้าใช้ในการดำเนินธุรกิจอาหารญี่ปุ่น เนื่องจากมีโออิชิทำตลาดในกลุ่มดังกล่าวอยู่แล้ว"

ทั้งนี้ "ฟู้ด ออฟ เอเชีย"(Food of Asia : FOA) ก่อตั้งขึ้นภายใต้การร่วมทุนกับกับบริษัท Mei-Xin (International) Limited ในเครือแม็กซิม กรุ๊ป(Maxim’s Group) ผู้ประกอบการร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในฮ่องกง ตั้งบริษัท แม็กซ์ เอเชีย จำกัด (Max Asia) ในประเทศไทย เพื่อเริ่มต้นดำเนินธุรกิจอาหารที่ไม่อยู่ในภาพลักษณ์ญี่ปุ่น เช่น อาหารจีน เค้ก และเบเกอรี่ เป็นต้น สำหรับบริษัท แม็กซ์ฯ มีทุนจดทะเบียน 40 ล้านบาท โดยฟู้ด ออฟ เอเชีย ถือหุ้นสัดส่วน 70% Mei-Xin ถือหุ้น 29.99%และMei-Xin(Hong Kong) ถือหุ้น 0.000025%

วางหมากเสริมแกร่งตลาดเบียร์ต่อเนื่อง

ขณะที่ภาพรวมธุรกิจเบียร์ช้างในช่วงที่ผ่านมาหลังจากที่มีการปรับโฉมใหม่ไปเมื่อช่วงสิงหาคม 2558 ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีและสามารถสร้างการเติบโตให้แก่สินค้าได้ โดยนับจากนี้บริษัทตั้งเป้าหมายว่าจะสามารถสร้างยอดขายเบียร์ช้างให้เติบโตได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแต่ในตลาดเมืองไทยเท่านั้น หากแต่ยังวางเป้าหมายยังตลาดระดับโลก เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐที่ต้องการเห็นความสำเร็จของธุรกิจไทยในเวทีโลกด้วย"

โออิชิ พร้อมซินเนอร์ยีธุรกิจในเครือรับการเติบโต

ขณะที่อีกหนึ่งแม่ทัพใหญ่อย่าง มารุต บูรณะเศรษฐกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทมีแผนจะกลับมารุกธุรกิจแบรนด์ขนมหวานอีกครั้งหลังจากที่ช่วง 1-2 ปีทีผ่านมามีความตั้งใจในการขยายตลาด โดยคาดว่าจะสามารถเห็นความชัดเจนได้ในปีหน้า (2560) เพื่อเป็นการรองรับตลาดที่กำลังเติบโตในปัจจุบัน ขณะที่การเปิดฟู้ด ออฟ เอเชีย บริษัทก็พร้อมที่จะเป็นครัวกลางในการผลิต ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งการซีนเนอร์ยีธุรกิจในเครือเพื่อสร้างการเติบโต

ขณะที่ในส่วนของธุรกิจชาเชียว ปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 43% เป็นผู้นำเบอร์ 1 ในตลาด โดยแนวทางการเสริมแกร่งของแบรนด์ในระยะยาวนับจากนี้คือการมุ่งสร้างความยั่งยืนของแบรนด์ในระยะยาว โดยเตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ปีละ 2 รายการ การทำตลาดและโปรโมชั่นไม่เน้นทำแบบฉาบฉวย เม็ดเงินที่ใช้ทำการตลาดและโปรโมชั่นจะต้องให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยมีเป้าหมายคือเน้นสร้างแบรนด์ที่ตรงใจผู้บริโภค สอดคล้องกับการทำโปรโมชั่น การขาย ลูกค้าต้องได้ประโยชน์ และเข้าถึงแบรนด์ แบรนด์ก็เข้าถึงผู้บริโภค

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,183 วันที่ 14 - 17 สิงหาคม พ.ศ. 2559