พาณิชย์ชงนายกฯลงนามเรียกค่าเสียหายข้าวจีทูจีจากนักการเมืองและอดีตข้าราชการ6ราย
พาณิชย์ส่งหนังสือถึงบิ๊กตู่ ลงนามเรียกค่าเสียหายข้าวจีทูจีจากนักการเมืองและอดีตข้าราชการ 6 ราย หลังกฤษฎีกาส่งหนังสือแล้วผู้มีอำนาจลงนามคือนายกฯ และรมว.พาณิชย์ พร้อมเดินหน้าระบายข้าวอีกล็อต1.63ล้านตัน ทั้งแบบทั่วไปและเข้าอุตสาหกรรม และเตรียมเปิดขายให้เอกชนที่มีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศอีก2.18 ล้านตัน รวม 2 ล็อต 3.81ล้านตัน
นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมได้ทำหนังสือเสนอพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาการลงนามในหนังสือบังคับทางปกครองให้นักการเมืองและอดีตข้าราชการรวมทั้งหมด 6 คนประกอบด้วย นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายอัครพงศ์ ทีปวัชระ อดีตผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศ เพื่อชดใช้ค่าเสียหายจากกรณีการขายข้าวรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) จำนวน 4 สัญญา ปริมาณ 6.2 ล้านตันแล้ว มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ทำตอบหนังสือกลับมาแล้วว่าผู้ที่มีอำนาจลงนาม คือ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
“การเสนอถึงนายกฯเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย หากนายกรัฐมนตรีเห็นชอบก็สามารถพิจารณาลงนามในคำสั่งทางปกครองได้เลย หรือจะพิจารณามอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการพาณิชย์เป็นผู้ลงนาม หรือจะลงนามทั้ง 2 คนก็ได้ แล้วแต่การพิจารณาของนายกรัฐมนตรี คิดว่าไม่น่าจะนาน เพราะนายกฯก็เร่งรัดเรื่องนี้อยู่”นางดวงพร กล่าว และว่า
หลังจากมีการลงนามแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะส่งหนังสือแจ้งไปยังผู้ที่ต้องชดใช้ทั้ง 6 คน เพื่อให้ชดใช้ค่าเสียหายตามที่กระทรวงการคลังคำนวณมา โดยการส่งหนังสือบังคับทางปกครองจะมีอายุความ 2 ปี หรือนับจากที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลมา หรือครบกำหนดภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2560 ซึ่งจะต้องส่งหนังสือบังคับทางปกครองไปให้ผู้ที่ต้องชดใช้ เมื่อผู้ชดใช้ได้รับหนังสือแล้วก็สามารถใช้ช่องทางตามกฎหมายยื่นอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลได้
ส่วนกรณีการเรียกค่าเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวตามที่ป.ป.ช.ชี้มูลความเสียหายต่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมตรี ขั้นตอนก็จะคล้ายกับการเรียกค่าเสียหายกรณีการขายข้าวจีทูจี แต่กระทรวงการคลังจะเป็นผู้รับผิดชอบกรณีนี้
ขณะที่การชี้แจงหลักเกณฑ์เงื่อนไข(ทีโออาร์)การระบายข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลเป็นการทั่วไปและเข้าอุตสาหกรรมปริมาณ 1.63 ล้านตัน(8 ก.ค.) ซึ่งเป็นคลังข้าวที่มีข้าวเกรดพี เอ บี ซี และมีข้าวผิดชนิด และผิดประเภท ปะปนกันอยู่ โดยแบ่งเป็นข้าวที่สามารถใช้เป็นการทั่วไป 7.3 แสนตัน และข้าวเข้าอุตสาหกรรม 9 แสนตันนั้น ได้วางหลักเกณฑ์ให้ประมูลยกคลัง ซึ่งผู้ประมูลทั้งเป็นการทั่วไปและผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมที่จะประมูลข้าวในคลังที่มีข้าวผิดชนิดและข้าวเกรดพี เอ บี ซี ปนอยู่ในคลังเดียวกันต้องเสนอราคาเฉลี่ยเข้ามาซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่กรมได้เปิดให้มีการประมูลข้าวแบบทั่วไปและเข้าอุตสาหกรรมพร้อมกัน
ทั้งนี้กรมได้เปิดระบายข้าวล็อตใหญ่ปริมาณ 2.18 ล้านตันให้ผู้ที่มีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศมายื่นเสนอราคา 2.18 ล้านตันรวม2 ล็อตนี้มีปริมาณที่ระบาย3.81ล้านตัน สาเหตุที่ระบายออกในช่วงนี้เนื่องจากว่าเป็นช่วงที่เหมาะสมเพราะช่วงนี้ข้าวนาปรังหมดแล้ว ข้าวนาปียังไม่ออก และตลาดมีความต้องการข้าวเพิ่มมากขึ้น หากระบายตอนนี้ จะกระทบต่อตลาดน้อยที่สุด จึงต้องเร่งระบายข้าวให้ได้มากที่สุด คาดในเดือนสิงหาคมอาจจะมีการเปิดระบายอีกครั้ง แต่จะมีการระบายแบบระมัดระวังมากขึ้น เพื่อไม่ให้กระทบต่อราคาตลาดข้าวยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะระบายได้หมดหรือไม่ เพราะถ้าดูจากความต้องการของตลาด และช่วงเวลาที่เหมาะสม น่าจะระบายครั้งนี้ได้มาก ส่วนจะได้เกิน 70% หรือไม่ ยังตอบไม่ได้ แต่หากรอบนี้ขายได้มากมั่นใจว่าข้าวในสต๊อกที่เหลืออยู่ทั้งหมด น่าจะระบายได้หมดภายในปี 2560