ร้านอาหารเกาหลีถึงจุดเปลี่ยน RedSun ลาโรง หลังอยู่ไทย 11 ปี

29 ธ.ค. 2568 | 01:46 น.
อัปเดตล่าสุด :29 ธ.ค. 2568 | 02:00 น.

RedSun ประกาศยุติการให้บริการสาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว 11 ม.ค. 2569 สะท้อนแรงกดดันธุรกิจร้านอาหารไทยปี 2568 มูลค่าตลาด 5.72 แสนล้านบาท ที่แข่งขันรุนแรง แม้ยังเติบโต 4.8%าหาร

KEY

POINTS

  • ร้านอาหารเกาหลี RedSun ประกาศยุติการดำเนินธุรกิจในไทยหลังเปิดมานาน 11 ปี โดยสาขาสุดท้ายที่เซ็นทรัลลาดพร้าวจะปิดให้บริการในวันที่ 11 มกราคม 2569
  • การปิดตัวสะท้อนการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจร้านอาหารไทย ซึ่งเผชิญแรงกดดันจากต้นทุนวัตถุดิบ ค่าแรง และค่าเช่าที่สูงขึ้น
  • ตลาดอาหารเกาหลีในไทยเริ่มเข้าสู่ภาวะอิ่มตัวและมีการแข่งขันสูงจากผู้เล่นรายใหม่จำนวนมาก ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกหลากหลายขึ้น

การประกาศปิดสาขาสุดท้ายของ RedSun (เรดซัน) ร้านอาหารเกาหลีที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมากว่า 11 ปี นับเป็นอีกหนึ่งสัญญาณสำคัญของการเปลี่ยนผ่านในอุตสาหกรรมร้านอาหารไทย หลังแบรนด์ยืนยันว่าจะยุติการให้บริการสาขา เซ็นทรัลลาดพร้าว ซึ่งเป็นสาขาสุดท้าย ในวันที่ 11 มกราคม 2569 ปิดฉากเส้นทางธุรกิจที่เติบโตเคียงคู่กระแสเกาหลีในสังคมไทยมาอย่างยาวนาน

RedSun เป็นที่รู้จักจากเมนูซิกเนเจอร์อย่าง ต๊อกปกกีหม้อไฟ และ ข้าวผัดเรดซัน ที่ตอบรับกระแสวัฒนธรรมเกาหลี (K-Culture) ซึ่งขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงกว่าทศวรรษที่ผ่านมา โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภควัยรุ่นและวัยทำงาน อย่างไรก็ตาม แม้แบรนด์จะมีฐานลูกค้าประจำและภาพจำชัดเจน แต่ไม่อาจต้านแรงกดดันจากโครงสร้างตลาดร้านอาหารที่เปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ

เพจเฟซบุ๊ก RedSun Thailand Tokpokki ได้โพสต์ข้อความอำลาลูกค้า ระบุว่า

“REDSUN ส่งท้ายก่อนปิดร้าน ขอบคุณที่ให้เราได้เป็น ‘มื้อโปรด’ ของทุกคนนะ” พร้อมแจ้งว่า ร้านจะเปิดให้บริการวันสุดท้ายที่ ชั้น G เซ็นทรัลลาดพร้าว โดยจัดโปรโมชั่นส่งท้าย “1 แถม 1” สำหรับเมนูยอดนิยม เพื่อแทนคำขอบคุณลูกค้าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

การปิดตัวของ RedSun เกิดขึ้นท่ามกลางภาพรวม ธุรกิจร้านอาหารไทยในปี 2568 ซึ่งยังคงขยายตัวต่อเนื่อง แม้เผชิญแรงกดดันด้านต้นทุน โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า มูลค่าตลาดร้านอาหารในปี 2568 จะอยู่ที่ 572,000 ล้านบาท เติบโต 4.8% จากปี 2567 สะท้อนการฟื้นตัวของกำลังซื้อและกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว

อย่างไรก็ตาม การเติบโตดังกล่าวเกิดขึ้นพร้อมกับการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น เนื่องจากประเทศไทยมีร้านอาหารมากกว่า 6 แสนแห่ง ครอบคลุมตั้งแต่ร้านรายย่อยไปจนถึงเชนขนาดใหญ่และแบรนด์ต่างชาติ ส่งผลให้ตลาดอยู่ในภาวะ “เปิดง่าย แต่ปิดเร็ว” โดยเฉพาะร้านอาหารที่ตั้งอยู่ในศูนย์การค้า

ร้านอาหารเกาหลีถึงจุดเปลี่ยน RedSun ลาโรง หลังอยู่ไทย 11 ปี

ปัจจัยกดดันหลักของผู้ประกอบการในปีนี้ ได้แก่

  • ต้นทุนวัตถุดิบและค่าแรง ที่ปรับเพิ่มต่อเนื่อง
  • ค่าเช่าพื้นที่เชิงพาณิชย์ ที่ยังอยู่ในระดับสูง
  • พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงเร็ว ลดความภักดีต่อแบรนด์ และให้ความสำคัญกับความคุ้มค่า
  • การแข่งขันจากร้านเฉพาะทางและแบรนด์ใหม่ ที่เข้ามาเจาะตลาดอย่างต่อเนื่อง

สำหรับ ตลาดอาหารเกาหลีในประเทศไทย ซึ่งเคยเป็นหนึ่งในเซ็กเมนต์ที่เติบโตโดดเด่นจากอิทธิพล K-Culture ปัจจุบันเริ่มเผชิญภาวะ การแข่งขันสูงและอิ่มตัว หลังมีผู้เล่นจำนวนมากทั้งรายใหญ่ รายย่อย และร้านสไตล์ฟิวชันเข้ามาแบ่งตลาด ขณะที่ผู้บริโภคมีทางเลือกหลากหลายขึ้น ทั้งอาหารญี่ปุ่น จีน และสตรีตฟู้ดระดับพรีเมียม

สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ร้านอาหารเกาหลีที่เน้นโมเดล นั่งทานในห้างสรรพสินค้า ต้องเผชิญโจทย์ด้านต้นทุนและความคุ้มค่าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น

กรณีของ RedSun จึงไม่ใช่เพียงการปิดร้านของแบรนด์หนึ่งเท่านั้น แต่สะท้อนภาพรวมของอุตสาหกรรมร้านอาหารไทยมูลค่า 5.72 แสนล้านบาท ที่กำลังก้าวเข้าสู่ช่วง คัดกรองผู้เล่นอย่างเข้มข้น แบรนด์ที่ไม่สามารถปรับตัวให้สอดรับกับโครงสร้างต้นทุน พฤติกรรมผู้บริโภค และการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น อาจเผชิญแรงกดดันในการยืนระยะธุรกิจ

แม้ RedSun จะยุติการดำเนินงาน แต่กว่า 11 ปีของแบรนด์ ได้ทิ้งบทเรียนสำคัญและความทรงจำไว้ในฐานะหนึ่งในผู้บุกเบิกร้านอาหารเกาหลีในประเทศไทย ท่ามกลางสมรภูมิธุรกิจร้านอาหารที่ยังคงเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว