ไทม์ไลน์ตั้งบอร์ดคุมดื่มแอลกอฮอล์ใน 1 ปี ระหว่างนี้ห้ามดื่มในช่วงห้ามขาย ปรับ 10,000 บาท

นพ.นิพนธ์ ชินานนท์เวช ผู้อำนวยการสํานักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายในรายการ 'ฐานทอล์ค' ถึงแผนการตั้งคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชุดใหม่ ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฉบับใหม่ว่าเป็น 'ภารกิจเร่งด่วน' ของกระทรวงสาธารณสุข หลัง พ.ร.บ.ฉบับปรับปรุงเริ่มมีผลเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

“ตอนนี้เรากำลังจัดเตรียมโครงสร้างคณะกรรมการ โดยกฎหมายกำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน อธิบดีกรมควบคุมโรคเป็นเลขานุการ และผมเป็นผู้ช่วยเลขานุการ มีกรรมการจากหลายกระทรวง เช่น มหาดไทย การท่องเที่ยว พาณิชย์ อุตสาหกรรม และภาคเอกชน เพื่อให้ครอบคลุมทุกมิติของการควบคุม” นพ.นิพนธ์กล่าว

องค์ประกอบของคณะกรรมการฯ ประกอบด้วย

• รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข : ประธาน
• อธิบดีกรมควบคุมโรค : เลขานุการ
• นพ.นิพนธ์ ชินานนท์เวช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ : ผู้ช่วยเลขานุการ
• กรรมการจากหลายกระทรวง เช่น มหาดไทย การท่องเที่ยวฯ พาณิชย์ อุตสาหกรรม
• ผู้แทนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หอการค้า สภาอุตสาหกรรม และผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน

ที่สำคัญคือ มาตรา 40 ของกฎหมายฉบับใหม่กำหนดว่า คณะกรรมการสามารถ 'ประชุมได้โดยยังไม่ครบองค์ประกอบ' เพื่อเริ่มต้นภารกิจเร่งด่วน โดยเบื้องต้นคาดว่าจะมีการประชุมนัดแรกภายในไม่กี่สัปดาห์หลังจากนี้

สำหรับภารกิจหลักของคณะกรรมการฯคือ

1.ออกกฎหมายลูก 3 กลุ่มใหญ่ ได้แก่

• ว่าด้วยวิธีการขายและการบริโภคในช่วงเวลาห้ามขาย
• ว่าด้วยการโฆษณาและประชาสัมพันธ์
• ว่าด้วยข้อยกเว้นและการมอบอำนาจให้เจ้าหน้าที่

2.กำหนดโซนนิ่งรอบสถานศึกษาและพื้นที่บริการ เพื่อป้องกันปัญหาการขายในจุดเสี่ยง

3.พิจารณาแนวทางขยายเวลาขาย หรือการปรับโครงสร้างเวลาให้เหมาะสมกับเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว

4.ทบทวนอำนาจเจ้าหน้าที่ เพื่อมอบหมายให้หน่วยงานอื่นร่วมบังคับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นพ.นิพนธ์ย้ำว่า กฎหมายใหม่ระบุชัดว่าต้องออกกฎหมายลูกให้ครบภายใน 1 ปีนับจากวันที่ประกาศใช้ ซึ่งหมายความว่า “ภายในเดือนพฤศจิกายน 2569” ทุกข้อบังคับต้องพร้อมใช้งาน เพื่อไม่ให้เกิดสุญญากาศทางกฎหมาย

“นี่เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 15 ปีที่เราจะมีการทบทวนโครงสร้างคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบเต็มรูปแบบ และเราจะทำให้เกิดความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งสาธารณสุข มหาดไทย และผู้ประกอบการ เพื่อให้ระบบการบังคับใช้มีความสมดุลระหว่างสุขภาพ สังคม และเศรษฐกิจ” เขากล่าว

เมื่อคณะกรรมการชุดใหม่เริ่มทำงาน จะมีการจัดทำแผนประชาสัมพันธ์ระดับชาติ เพื่อสร้างความเข้าใจต่อกฎหมายใหม่ให้ถึงประชาชนในทุกกลุ่ม ทั้งผู้บริโภค ร้านอาหาร ร้านค้า และผู้ผลิตแอลกอฮอล์ พร้อมขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนช่วยเผยแพร่ข้อมูลให้ตรงและเข้าใจง่าย

“ทุกคนควรรู้ว่ากฎหมายฉบับนี้ไม่ใช่เพื่อปิดกั้นธุรกิจ แต่เพื่อสร้างกรอบที่ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้ ทั้งสุขภาพ เศรษฐกิจ และความรับผิดชอบทางสังคม” เขากล่าวทิ้งท้าย