KEY
POINTS
เริ่มมีผลบังคับใช้แล้ววันนี้ (8 พฤศจิกายน) สำหรับ พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฉบับใหม่ ผู้ประกอบการ-ภาคเอกชนงวลถึง “ความไม่พร้อมของกฎหมายลูก” ที่ยังไม่แล้วเสร็จและอาจกระทบต่อการดำเนินธุรกิจโดยตรง
นางสาวประภาวี เหมทัศน์ เลขาธิการสมาคมการค้าผู้ประกอบธุรกิจคราฟท์เบียร์ เปิดเผยกับฐานเศรษฐกิจว่า หนึ่งในประเด็นที่ภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลเร่งรัดที่สุดคือ “กฎหมายลูกว่าด้วยการโฆษณาและประชาสัมพันธ์” ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการสื่อสารทางการตลาดในยุคดิจิทัล เนื่องจาก พ.ร.บ. ใหม่เปิดช่องให้ประชาสัมพันธ์ได้ แต่ไม่อนุญาตให้ “โฆษณา” — คำสองคำที่ดูใกล้กันแต่มีผลทางกฎหมายต่างกันโดยสิ้นเชิง
ในอดีต กฎหมายเก่ามีความเข้มงวดถึงขั้น “ห้ามแสดงภาพสินค้าหรือขวดเบียร์ในสื่อสังคมออนไลน์” ซึ่งสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้ผลิตรายย่อยอย่างมาก การมีระเบียบลูกที่ชัดเจนจึงเป็นสิ่งจำเป็นต่อความอยู่รอดของธุรกิจ
แม้ พ.ร.บ. ฉบับใหม่จะเริ่มมีผลบังคับใช้แล้วในวันนี้ แต่สิ่งที่ทุกฝ่ายในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยังคงกังวลมากที่สุดคือ “กฎหมายลูกยังไม่ออก” ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้กฎหมายหลักสามารถนำไปใช้ได้จริงในเชิงปฏิบัติ ทั้งในเรื่องโฆษณา เวลาขาย และการควบคุมโซนนิ่งพื้นที่จำหน่าย
“มันน่าเศร้าตรงที่กฎหมายหลักออกแล้ว แต่กฎหมายลูกซึ่งควรออกมาพร้อมกันกลับยังไม่มี เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรื่องเวลาขายหรือโซนนิ่งจะเปลี่ยนไหม เพราะประกาศล่าสุดก็ยังให้ใช้ตามเดิม ส่วนการห้ามขายช่วงบ่ายสองถึงห้าโมงก็ยังไม่มีเอกสารยืนยันอย่างเป็นทางการ”
นางสาวประภาวี ระบุว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังอยู่ในภาวะ “กลืนไม่เข้าคายไม่ออก” เพราะแม้ต้องการปฏิบัติตามกฎหมาย แต่กลับไม่มีแนวทางที่ชัดเจน โดยเฉพาะการทำตลาดและสื่อสารกับผู้บริโภค ซึ่งหากตีความผิดพลาดก็อาจถูกดำเนินคดีได้ทันที
ทางด้านนายสรเทพ โรจน์พจนารัช ประธานชมรมผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหารและที่ปรึกษากิติมศักดิ์ สมาคมโฮสเทล ประเทศไทยประธานชมรมผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหารและที่ปรึกษากิติมศักดิ์ กล่าว การออกกฏหมายต่างๆของรัฐบาล ควรตั้งอยู่ในกรอบเพื่อช่วยเหลือดูแลส่งเสริมให้ประชาชนสามารถทำมาหากินได้โดยราบรื่นและคล่องตัวไม่ใช่ออกกฏหมายมาเพื่อสร้างปัญหาหรือกระทบเศรษฐกิจของประเทศรวมถึงปิดกั้นการค้าขายของประชาชนให้ลำบากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ วันนี้ 8 พฤศจิกายน 2568 พรบ ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฉบับใหม่มีผลบังคับใช้ หนึ่งในปัญหาของ พรบ นี้คือ พอถึงเวลาหยุดห้ามขาย 14.00-17.00 น. หรือ 01.00 น. หากมีลูกค้าหรือฝรั่งนักท่องเที่ยวนั่งดื่มต่อ ทั้งๆที่มีเบียร์เหลืออยู่ครึ่งขวด หรือ ครึ่งเหยือก จะโดนปรับ 10,000 บาททั้งร้านและตัวลูกค้าที่นั่งดื่มอยู่
ซึ่งประเทศออสเตเลียเป็นประเทศแรก ที่ออกมาประกาศเตือนประชาชนชาวออสเตรเลีย ผู้ที่จะมาเที่ยวประเทศไทยให้ระวังแล้ว คาดว่าประเทศอื่นๆจะประกาศเตือนตามมาเช่นกัน เข้าน่าไฮท์ซีซั่นพอดี กระทบเศรษฐกิจแบบเต็มๆ
ไม่เข้าใจคนที่เซ้นต์กฏหมายฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์อย่างไร อ่านรายละเอียดไหม ว่าจะสร้างปัญหาตามมาในแง่เศรษฐกิจการท่องเที่ยวมหาศาล และกระทบธุรกิจร้านอาหารเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะตามแหล่งท่องเที่ยวหรือโซนท่องเที่ยวทั้งในกรุงเทพและเมืองท่องเที่ยวหลักอื่นๆ นายสรเทพ กล่าวทิ้งท้าย