สินค้าสุขภาพความงามไทยเฮ ทัวร์จีน/อาเซียนแห่ซื้อกลับลุยขยายแชนนอล-ดีลเลอร์

17 มิ.ย. 2559 | 08:00 น.
สินค้าเครื่องสำอางและเสริมอาหารแบรนด์ไทยได้ปลื้ม นักท่องเที่ยวชาวจีนและอาเซียน แห่ซื้อกลับประเทศ ผู้ประกอบการสบโอกาสลุยทำตลาดโกยยอดขาย ทั้งขยายจุดขายในประเทศและเดินหน้าหาตัวแทนขายในต่างประเทศ หวังสร้างรายได้เพิ่ม “มิสทิน” เพิ่มจุดขายขยับตั้งบริษัทในจีน ด้านอลิสพอลลิน ได้ตัวแทนขายที่จีน ส่วน “โอเคช้อปปิ้ง” เร่งปูพรมสินค้ากับจุดขายทั่วอาเซียน

นายดนัย ดีโรจนวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายเครื่องสำอางในระบบขายตรงแบรนด์ มิสทิน (Mistine) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จากการเติบโตของตลาดการท่องเที่ยว โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนและประเทศเพื่อนบ้าน ที่นิยมซื้อสินค้าสุขภาพและความงามจากประเทศไทย ทำให้มีร้านขายสินค้าประเภทความงามและอาหารเสริมที่มีหลาย แบรนด์เพิ่มขึ้นถึง 50% เมื่อเทียบกับช่วงปีที่ผ่านมา คาดว่าปัจจุบันมูลค่าขายสินค้าผ่านร้านค้าประเภทดังกล่าวมีมากถึง 2 พันล้านบาท ซึ่งแบรนด์มิสทินเป็นหนึ่งในสินค้าที่ได้รับความนิยม และมีผู้สนใจนำสินค้าของมิสทินไปจำหน่ายรวมกับสินค้าอื่นๆ

“ตอนนี้ตามแหล่งท่องเที่ยวจะมีร้านขายสินค้าเครื่องสำอางและอาหารเสริม ที่เป็นมัลติแบรนด์เกิดขึ้นมากมาย บางรายที่ทำธุรกิจอื่นแต่อยู่ในแหล่งท่องเที่ยว เช่น จังหวัดเชียงใหม่ ภูเก็ต หรือพัทยา ก็นำสินค้ามิสทินไปจำหน่ายควบคู่ในร้านค้าด้วย ทำให้ตลาดเติบโตเท่าตัวจากปีที่ผ่านมา ซึ่งมิสทินเองพยายามวางแผนผลิตสินค้าที่ลูกค้าต่างชาติต้องการและให้เพียงพอ เนื่องจากสินค้าขาดตลาดในบางช่วง โดยเฉพาะกลุ่มเมกอัพ อาทิ แป้งทาหน้า อายไลเนอร์ และบลัชออน”

ขณะเดียวกันบริษัทเตรียมแผนเปิดร้าน บิวตี้ ช็อป ตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญให้ครบ 7 แห่งภายในปีนี้ เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวจากจีนและประเทศอื่นๆ จากปัจจุบันมีสาขา 4 แห่ง คือย่านรามคำแหง ศรีนครินทร์ ราชดำริ และจังซีลอน โดยใช้งบลงทุนสาขาละกว่า 1 ล้านบาท และช่วงครึ่งปีหลังได้เตรียมเข้าทำตลาดในประเทศจีนอย่างจริงจัง หลังจากได้ร่วมทุนกับนักลงทุนชาวจีนตั้งบริษัท เบทเตอร์เวย์ เซินเจิ้น จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท มิสทินถือหุ้นสัดส่วน 49% ระยะแรกจะเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าในกวางเจา เสินเจิ้น และเซี่ยงไฮ้ สำหรับยอดขายในตลาดต่างประเทศมีอัตราการเติบโตถึง 20% เนื่องจากมีแรงซื้อจากกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เข้ามาซื้อสินค้าของบริษัทมากขึ้น ปัจจุบันมียอดขายจากตลาดต่างประเทศราว 2 พันล้านบาท เฉพาะที่ประเทศจีนมีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านบาท ส่วนในประเทศเมียนมา และอินโดนีเซีย มีอัตราเติบโตมากกว่า 10%

ด้านนางอลิสา อินทเสนี กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินตัน กรุ๊ป จำกัด ผู้บริหารผลิตภัณฑ์เวชสำอาง และเสริมอาหารแบรนด์เอลิส พอลิน(aliz paulin) กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์นมผึ้งของบริษัทได้รับความนิยมสูงจากลูกค้าชาวจีน รวมถึงผลิตภัณฑ์เวชสำอางอื่นๆ ทำให้บริษัทวางแผนนำสินค้าไปวางจำหน่ายในแหล่งท่องเที่ยว และแต่งตั้งให้บริษัททัวร์เข้ามาเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าด้วย ขณะที่ตลาดต่างประเทศมีพันธมิตรเข้ามาเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า ทั้งในสปป.ลาว และจีน เฉพาะตลาดประเทศจีนในปีแรกคาดว่ามียอดขายกว่า 50 ล้านบาท

“ในประเทศจีนเพิ่งแต่งตั้งตัวแทนจำหน่าย เพื่อทำตลาดใน 7 เมือง อาทิ เซี่ยงไฮ้ หนานหนิง จูไห่ เป็นต้น ซึ่งตัวแทนจำหน่ายจะเปิดร้านและขยายตัวแทนจำหน่ายรายย่อยต่อไป ส่วนบริษัทจะช่วยสนับสนุนการทำตลาดใช้งบประมาณ 20 ล้านบาท มีสินค้าเตรียมไปทำตลาด 3 รายการ ทั้งกลุ่มสกินแคร์และเสริมอาหาร ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการหาพรีเซนเตอร์ที่จะเป็นตัวแทนนำเสนอสินค้า โดยเลือกพรีเซนเตอร์ที่มีฐานแฟนคลับชาวจีนชื่นชอบด้วย ซึ่งจะใช้เป็นพรีเซนเตอร์ทั้งในประเทศไทยและจีน”

ส่วนนางสาววัชรียา รงค์เดชประทิป กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอเค ช็อปปิ้ง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้บริหารร้านจำหน่ายสินค้าสุขภาพและความงามแบรนด์ โอเคช้อปปิ้ง (OK Shopping) กล่าวว่า ปัจจุบันสินค้าเครื่องสำอางและเสริมอาหารแบรนด์ไทยได้รับความนิยมในกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งยอดขายมีอัตราเติบโตถึง 200% ในปีที่ผ่านมา จากปัจจุบันมีจำนวนร้านจำหน่ายที่ 9 สาขา ในประเทศเวียดนาม สปป.ลาวและเมียนมา และปีนี้คาดว่ายอดขายจะเติบโต 300% พร้อมวางแผนเพิ่มจำนวนสินค้าเข้าไปจำหน่ายภายในร้านเพิ่มขึ้นกว่า 300 แบรนด์ จากปัจจุบันมีกว่า 200 แบรนด์ นอกจากการขยายสาขาในต่างประเทศแล้ว ปีนี้บริษัทได้เตรียมขยายสาขาในไทยเพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าใน 10 ปีจะมีสาขาในเออีซีไม่ต่ำกว่า 30 สาขา

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,166 วันที่ 16 - 18 มิถุนายน พ.ศ. 2559