บิ๊กทุนลงขันปั้น “เชวาลา เวลเนส" รับดีมานด์ Medical Wellness Tourism โตแรง

05 ส.ค. 2565 | 05:40 น.

ลิปตพัลลภ ผนึกบิ๊กทุนลงขันตั้ง “เมด เดสทิเนชั่น” รับเทรนด์ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพโตแรง นำร่องปั้น “เชวาลา เวลเนส หัวหิน” พร้อมทุ่มอีก 140 ล้านบาทขยาย 2 โลเคชั่น ภูเก็ต-เกาะสมุย ก่อนสยายปีกปักหมุดมัลดีฟส์ ดันไทยสู่ Global wellness tourism

ข้อมูลจากสถาบันโกลบอล เวลเนส หรือ GWI คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์จะกลับมาเติบโตและแข็งแกร่งขึ้นเฉลี่ยต่อปีที่ 9.9% โดยเศรษฐกิจด้านสุขภาพจะสูงถึง 7 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2568 ขณะที่ภาพรวมตลาดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุขเผยว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพคิดเป็น 15% ของเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวทั้งหมด 

 

มีอัตราการเติบโต 7.5% ต่อปี มีมูลค่าเป็นอันดับที่ 4 รองจากการท่องเที่ยวชมธรรมชาติ, การท่องเที่ยวด้านอาหาร, และการท่องเที่ยวชมวัฒนธรรม ขณะเดียวกันการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ตั้งเป้าหมายในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็น “Medical and Wellness Resort of the World” ภายในปี 2567 จึงเป็นโอกาสที่ดีของผู้ประกอบการไทยที่จะเข้ามาลงทุน

           

หนึ่งในกลุ่มทุนที่น่าจับตาคือ “เชวาลา เวลเนส หัวหิน” ซึ่งเกิดจากการลงขันร่วมกันของ 4 บิ๊กทุน นำโดยกลุ่มบริษัทพราวของตระกูล “ลิปตพัลลภ” ภายใต้บริษัทใหม่ บริษัท เมด เดสทิเนชั่น จำกัด โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญถือหุ้น 30% , กลุ่มลิปตพัลลภ 25% , ดร. สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท มาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัดถือหุ้น 15% , นายนพพร บุญลาโภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น15% , และบริษัท สถาปนิกโอเพนบอกซ์ จำกัด และกลุ่มบริษัทในเครือ (OPENBOX Architects Company Limited and OPENBOX GROUP) ถือหุ้น15%

บิ๊กทุนลงขันปั้น “เชวาลา เวลเนส" รับดีมานด์ Medical Wellness Tourism โตแรง            

แพทย์หญิงรัตน์กวิน จิตตวัฒนรัตน์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญอายุรศาสตร์มะเร็งและศาสตร์ชะลอวัย เชวาลา หัวหินเปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ปัจจุบันธุรกิจ Health & Wellness เป็นที่น่าจับตามองในประเทศไทย เพราะมีทั้งความพร้อมและศักยภาพเป็นที่ยอมรับของชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามารักษาหรือฟื้นฟูสุขภาพเพิ่มมากขึ้น

 

นอกจากนี้ไทยยังมีข้อได้เปรียบทางด้านการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง เทคโนโลยีที่ทันสมัย คุณภาพมาตรฐานบริการทางการแพทย์ในระดับสากล ค่าใช้จ่ายสมเหตุสมผล รวมทั้งความสวยงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมแรงดึงดูดทางด้านการท่องเที่ยว ทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางบริการด้านสุขภาพติดท็อป 10 ของภูมิภาคเอเชีย

แพทย์หญิงรัตน์กวิน จิตตวัฒนรัตน์

กลุ่มบริษัทพราวและทีมแพทย์ชั้นนำจึงได้ร่วมมือกันรุกธุรกิจเวลเนส ซึ่งมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยเมืองหัวหินเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูงในการดึงดูดนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เพราะเป็นเมืองพักผ่อนติดทะเลที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก

 

เพราะจากสถิติการท่องเที่ยวในครึ่งปีแรก (ม.ค. – พ.ค.) ของปี 2565 จังหวัดประจวบคีรีขันธ์มีจำนวนนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ 3.6 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 200% ทำให้ติดอันดับ Top 3 เมืองที่นักท่องเที่ยวเลือกมาพักผ่อนมากที่สุด พร้อมสร้างรายได้สูงถึง 12,352 ล้านบาท ทำให้เราเล็งเห็นศักยภาพ และเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าการจับมือกับทีมแพทย์ในครั้งนี้จะเป็นก้าวที่มั่นคงสู่การขับเคลื่อนให้ไทยเป็น Wellness Destination ของโลก พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้คึกคัก โดยมี “เชวาลา เวลเนส หัวหิน” เป็น project prototype

 

บิ๊กทุนลงขันปั้น “เชวาลา เวลเนส" รับดีมานด์ Medical Wellness Tourism โตแรง

 

“Health and wellness เป็นเมกะเทรนด์ของโลก และในประเทศไทยเองเรามองว่ายังไม่มี Health and Wellness beauty center ที่อยู่ในบรรยากาศของหัวหิน และเชื่อมต่อกับโรงแรมแบบนี้ที่ใด ซึ่งทางเชวาลา นำเสนอเป็น Medical grade มีคุณหมอเฉพาะทาง Health and beauty ในการออกแบบรักษาและการดูแลเฉพาะบุคคล พร้อมออกแบบอาหารร่วมกับเชฟของโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลหัวหิน

 

นอกจากนี้หัวหินยังมีบรรยากาศของการฟื้นฟูสุขภาพเราอยากจะวางเชวาลา ให้เป็น Top 10 wellness ของโลกและเป็นตัวดึงหัวหินและประเทศไทยเข้าสู่ Global wellness tourism เพื่อดันให้ที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นในการเป็น medical hub ของโลกที่ตอบรับกับกระแส medical tourism ด้วย”

 

ทั้งนี้เชวาลา วาง concept ในการให้บริการป้องกันและฟื้นฟูมากกว่าการรักษา โดยมี 5 โปรแกรมหลัก เจาะกลุ่มลูกค้า ‘เฮลตี้ไลฟ์สไตล์’ ระดับไฮเอนด์ ด้วยโปรแกรมฟื้นฟูและดูแลสุขภาพแบบองค์รวม 1. Long Covid Program 2. Anti-Aging Program 3. CVD Strengthening Program 4. Detoxification Program และ 5. Immune Booster Program สามารถรองรับผู้ใช้บริการได้ 30-50 คนต่อวัน เนื่องจากแต่ละโปรแกรมต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูด้วยอุปกรณ์ต่างๆค่อนข้างนาน

บิ๊กทุนลงขันปั้น “เชวาลา เวลเนส" รับดีมานด์ Medical Wellness Tourism โตแรง

โดยในช่วง 1 เดือนแรกในการเปิดบริการ มีสัดส่วนลูกค้าชาวต่างชาติ 50%และลูกค้าโลคอล 50% และในอนาคตคาดว่าสัดส่วนลูกค้าจะเปลี่ยนเป็นชาวต่างชาติ 65-70%โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวโซนสแกนดิเนเวีย สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ และเยอรมันซึ่งปัจุบันนักท่องเที่ยวเริ่มทยอยกลับเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น และในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่า เชวาลาจะสามารถทำรายได้ 10 ล้านบาทต่อเดือนและปิดรายได้สิ้นปีราว 50 ล้านบาท

 

“ค่าใช้จ่ายต่อหัวของคนที่เข้ามารับบริการจะอยู่ที่ 8,000-15,000 บาทต่อคนต่อวัน ซึ่งเราก็มีการคอมบายแพคเกจกับทางอินเตอร์คอนติเนลตัล ในแพ็กเกจจะมีทั้งที่พัก อาหาร การออกแบบการออกกำลังกายแบบpersonal training แพ็กเกจสูงสุดตอนนี้อยู่ 200,000 บาท 8 วัน 7 คืน โดยพักที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนลตัล มีอาหารทุกมื้อ ออกกำลังกายและทรีทเม้นท์

บิ๊กทุนลงขันปั้น “เชวาลา เวลเนส" รับดีมานด์ Medical Wellness Tourism โตแรง

ตอนนี้ลูกค้า walk in กับลูกค้าที่มาจากอินเตอร์คอนติเนลตัลตอนนี้สัดส่วนอยู่ที่ 50%- 50% เรามองว่าในระยะแรกเราต้องการที่จะสร้างรายได้เฉลี่ยเดือนละประมาณ 10 ล้านบาท ดังนั้นในช่วงครึ่งปีหลังแล้วก็มองว่าเราน่าจะได้ประมาณ 50 ล้านบาท และถ้าเราเป็นที่รู้จักมากขึ้นเราอาจจะเติบโตแบบก้าวกระโดดในปีหน้า และจะทำให้เรามีรายได้ประมาณ 15-20 ล้านบาทต่อเดือน”

 

สำหรับแผนลงทุนในระยะที่ 2 มองว่าจะขยายสาขาภายในประเทศ 5 สาขาภายใน 2 ปี เริ่มจากภูเก็ตเป็นสาขาที่ 2 โดยเกาะไปกับโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในสิ้นปีนี้ ก่อนจะขยายไปสาขาที่ 3 บนเกาะสมุยในรูปแบบ stand alone โดยใช้งบลงทุน 140 ล้านบาทไม่รวมที่ดินสำหรับการขยาย 2 สาขา และสำหรับสาขาที่ 4และ 5 บริษัทมองเชียงใหม่หรือเมืองท่องเที่ยวอย่างพัทยาเป็นโลเคชั่นต่อไป

 

สำหรับแผนการขยายสาขาไปต่างประเทศ ผู้บริหารมองว่าหาก “เชวาลา” ในไทยมั่นคง จะเริ่มขยายไปต่างประเทศภายในปีที่ 3 ในรูปแบบของ investor ในลักษณะการร่วมทุนกับพันธมิตรในพื้นที่ เพราะการเข้าไปลงทุนในต่างประเทศถ้าไม่มีการร่วมทุนจะเติบโตได้ยาก ซึ่งประเทศที่น่าสนใจคือประเทศเพื่อนบ้านCLMV และไปตามโลเคชั่นที่เป็น wellness center เช่นมัลดีฟส์ ซึ่งมีสปาจำนวนมากแต่ยังขาด medical wellness แต่ต้องรอดูทิศทางในอนาคตอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงวางแผนสัดส่วนการขยาย เชวาลา เวลเนส ในประเทศไทย 80% และต่างประเทศ 20%

 

อย่างไรก็ตามแม้ว่าภาพรวมการท่องเที่ยวจะมีทิศทางที่ดีขึ้นแต่ยังมีประเด็นอ่อนไหวที่เข้ามากระทบอุตสาหกรรม ซึ่งศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี ประเมิณว่า อัตราเงินเฟ้อที่เร่งขึ้นและยาวนานจะส่งผ่านต้นทุนการผลิตให้กระจายเป็นวงกว้าง จนทำให้ราคาสินค้าและบริการมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นกว่าช่วงครึ่งปีแรก และอาจบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและการท่องเที่ยวในประเทศ ซึ่งถือเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวของคนไทย

 

โดยเฉพาะราคาพลังงานที่ทะยานสูงสุดในรอบเกือบทศวรรษ ซึ่งส่งผลกระทบการท่องเที่ยวของคนไทยกว่า 70% นิยมเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวที่ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายในการเดินทางเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 10% ต่อคนต่อวัน ส่งผลให้บรรยากาศการใช้จ่ายท่องเที่ยวในช่วงที่เหลือของปีลดลงโดยเฉพาะจังหวัดที่พึ่งพิงรายได้จากต่างชาติสูง

 

“สิ่งที่น่าเป็นกังวลตอนนี้คือเรื่องของเงินเฟ้อ น้ำมันแพง พอดอกเบี้ยขึ้นการ spending ก็อาจจะน้อยลงก็อาจจะส่งผลที่จะเข้ามากระทบธุรกิจเราได้ เพราะคนจะรู้สึกว่าอยากเก็บเงินมากกว่า แต่เรายังมองว่าคนมีเรื่องของ health awareness กันเยอะและคนเริ่มเข้าใจคำว่าป้องกันไว้ดีกว่าแก้ และถ้ามองในแง่ของ economic การป้องกันถูกกว่าการรักษาเป็นร้อยเท่า

 

โดยเฉพาะตอนนี้ในยุโรปมี aging society ค่อนข้างเยอะและค่าใช้จ่ายที่บ้านเขาแพงมากเปรียบเทียบกับที่มารักษาที่ประเทศไทยเกือบครึ่ง และในหัวหินประชากรนอร์เวย์ สแกนดิเนเวียนเยอะ เพราะฉะนั้นกลุ่มนี้น่าจะเป็น target เป้าหมายของเราทั้ง ชาวต่างชาติที่อาศัยในไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ”

 

หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,806 วันที่ 4 - 6 สิงหาคม พ.ศ. 2565