ฟ้อง PLAYBOY ฉุดกำไร "ไทยนิปปอนฯ" ติดลบเฉียด 500 ล้าน

31 มี.ค. 2565 | 09:34 น.

ไทยนิปปอนฯ มอง 2565 เป็นปีฟื้นธุรกิจหลังปี2564 เจ็บหนักรายได้ลดฮวบ กำไรติดลบ464 ล้านบาท หลังยื่นฟ้องร้อง PLAYBOY ฐานบอกเลิกสัญญาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำพอร์ตถุงยางอนามัยหยุดชงัก100% ตั้งเป้าฟื้นรายรับจากธุรกิจถุงยางอนามัยปีนี้แตะ 1,700 ล้านบาท

ย้อนกลับไปเมื่อปลายปี2564  บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TNR  ได้รับแจ้งจากบริษัท โปรดักส์ ไลเซนซิ่ง จำกัด 1 ถึงการใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาอนุญาตให้ใช้ผลิตภัณฑ์ (Product License Agreement) ที่ได้ทำไว้กับบริษัทฯ  ซึ่งเป็นใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และทำผิดต่อกฎหมายประเทศสหรัฐอเมริกาหลายประการ

 

TNR  ได้แต่งตั้งที่ปรึกษากฎหมายที่ประเทศสหรัฐอเมริกาฟ้องร้องบริษัท เพลย์บอย เอ็นเทอร์ไพร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (Playboy Enterprises International, Inc.) และบริษัท โปรดักส์ ไลเซนซิ่ง จำกัด (Product Licensing LLC) รวมเรียกว่า “เพลย์บอย” ต่อศาลแขวงสหรัฐฯ ประจำเขตแคลิฟอร์เนีย เรียกร้องค่าเสียหายมูลค่ากว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ ฐานใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและกระทำผิดต่อกฎหมายประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งปัจจุบันคดีอยู่ระหว่างดำเนินการตามกระบวนการในชั้นศาล

 

นายสุเมธ มาลิสีรังสี ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TNR เปิดเผยว่า จากคดีการฟ้องร้อง playboy และคดีอยู่ระหว่างดำเนินการอยู่ มีผลให้ทางTNR ไม่สามารถขายสินค้า playboyต่อไปได้ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องของไลเซ่นส์หรือสินค้าคงเหลือที่เป็นแบรนด์ playboy ไม่สามารถดำเนินการทางธุรกิจใดใดได้ และทำให้ในปีที่แล้วธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ PLAYBOYทั้งหมดกลายเป็นค่าใช้จ่ายรายการพิเศษ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่เป็นชั่วคราว

 

ทั้งนี้ TNR ได้เข้าสู่ธุรกิจถุงยางอนามัยในปี 2542 โดยเริ่มผลิตและจำหน่ายถุงยางอนามัยของตนเอง แบรนด์ “วันทัช” และในปี 2554 ได้รับจ้างผลิตถุงยางอนามัย PLAYBOYก่อนที่จะตัดสินใจซื้อสิทธิการขายและทำตลาดถุงยางอนามัยแบรนด์PLAYBOYมูลค่า 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ใน 188 ทั่วโลกแต่เพียงผู้เดียวในปี 2561 

 

“ผลของคดีความกับ PLAYBOY เรายังไม่รู้ว่าจะออกมายังไง แต่ถ้าเราตกลงกันได้ก็สามารถกลับมาล้างรายการพิเศษและเป็นรายได้ในปีถัดไปได้ เพราะฉะนั้นในปีที่แล้วค่าใช้จ่ายที่มันเกิดขึ้นเป็นค่าใช้จ่ายรายการพิเศษและเป็นค่าใช้จ่ายชั่วคราว 

 

ส่วนในปี 2565 นี้คาดว่าจะไม่มีผลกระทบจากคดีความกับPLAYBOY เนื่องจากถูกกระทบไปในปี 2564 ทั้งหมดแล้วก็อยากให้รอดูผลประกอบการในไตรมาส 1 ตอบทุกคำถามว่าในปี 2565 นี้ผลประกอบการของ TNR จะเป็นอย่างไร ซึ่งทางผู้บริหารมั่นใจว่าผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ค่อนข้างที่จะเป็นบวกและเป็นที่น่าพอใจ”

 

ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา TNR มีรายได้รวม1,659ล้านบาท กำไรสุทธิ -464 ล้านบาท ลดลงจากปี 2563 ที่มีรายได้1,760 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิ 111 และสำหรับปี2565นี้  TNRได้ประมาณการรายได้ทั้งปีของกลุ่มบริษัทไว้ที่ 2000ล้านบาท โดยแบ่งเป็นส่วนธุรกิจถุงยางอนามัยประมาณ 1700 ล้านบาท ธุรกิจกล่องกระดาษ 200ล้านบาทและธุรกิจกัญชง 100 ล้านบาท