PLAYBOY รุกอี-คอมเมิร์ช เจาะตลาดถุงยางอเมริกา-จีน

07 ก.ค. 2563 | 07:13 น.

PLAYBOY รุกอี-คอมเมิร์ช เปิดร้านใน “amazon.com” ขายถุงยาง หวังขยายตลาดในอเมริกา-จีน

ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ ถือเป็นผู้ผลิตและส่งออกถุงยางอนามัยรายใหญ่ของโลก แม้เศรษฐกิจทั่วโลกจะได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 แต่ถุงยางอนามัย ยังเป็นที่ต้องการ ดังนั้นจึงมีแผนขยายตลาดด้วยการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้กับ PLAYBOY ผ่านอี-คอมเมิร์ช

 

นายอมร ดารารัตนโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TNR ผู้ผลิตและจำหน่ายถุงยางอนามัย “PLAYBOY” เปิดเผยว่า บริษัทวางเป้าหมายผลักดันยอดขายถุงยางอนามัยและผลิตภัณฑ์เจลหล่อลื่นภายใต้แบรนด์ PLAYBOY ให้ครอบคลุมในหลายภูมิภาคโดยจะรุกแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายเพิ่ม เน้นทวีปยุโรปและเอเชียที่มีศักยภาพการเติบโตที่ดี รวมถึงเพิ่มยอดขายช่องทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์อี-คอมเมิร์ชชั้นนำระดับโลกในตลาดหลัก 2 ประเทศ ได้แก่ อเมริกาและจีน

อมร ดารารัตนโรจน์

ล่าสุดได้แต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในทวีปยุโรปที่มีประสบการณ์จำหน่ายถุงยางอนามัยมาก่อน ซึ่งบริษัทได้ให้สิทธิ์ในการขายและทำการตลาดใน 6 ประเทศ เช่น ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ เบลเยี่ยม บัลแกเรีย ลักเซมเบิร์กและโรมาเนีย ปัจจุบันอยู่ระหว่างยื่นตรวจสอบเอกสารใบรับรองสินค้าจากภาครัฐ คาดว่าจะเริ่มมีคำสั่งซื้อในปลายปีนี้ จากเดิมที่มีคำสั่งซื้อสินค้าจากกลุ่มประเทศดังกล่าวในรูปแบบการรับจ้างผลิต (OEM) และอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในยุโรปอีก 1 ประเทศ คาดว่าจะได้ข้อสรุปไตรมาส 3 นี้

 

ขณะเดียวกัน การขยายตลาดในทวีปเอเชียโดยได้แต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในประเทศสิงคโปร์ และคาดว่าจะได้ข้อสรุปการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในประเทศฟิลิปปินส์เร็ว ๆ นี้ รวมถึงอยู่ระหว่างศึกษาตลาดเพื่อแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ อินโดนีเซีย สปป.ลาว กัมพูชา ฯลฯ ที่จะรุกเพิ่มยอดขายในภูมิภาคนี้

 

สำหรับแผนการขยายตลาดในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดหลักของแบรนด์ ในครึ่งปีหลังได้วางแผนเพิ่มยอดขายทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์อี-คอมเมิร์ชชั้นนำ amazon.com โดยจะเปิดร้านค้าภายในเว็บไซต์ในรูปแบบ Shop in Shop เพื่อจำหน่ายสินค้า ติดต่อสื่อสารและทำการตลาดกับลูกค้า รวมถึงมีแผนขยายช่องทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์อี-คอมเมิร์ชอื่น ๆ ในอเมริกาที่เน้นการขายสินค้าเฉพาะกลุ่ม ตลอดจนรุกขยายตลาดผ่านเชนร้านขายยาชั้นนำขนาดใหญ่ด้วย

 

นายอมร  กล่าวอีกว่า ในประเทศจีน มุ่งเน้นการขยายตลาดออนไลน์ โดยร่วมกับกับเอเจนซี่ที่มีความเชี่ยวชาญในการทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายในเว็บไซต์ jd.com เนื่องจากผู้บริโภคในจีนมีความคุ้นเคยกับการสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์ โดยมีสัดส่วนประมาณ 40-45% ของยอดขายสินค้าทั้งหมด รวมถึงมีแผนนำสินค้าเข้าไปทำการตลาดเพิ่มขึ้นอีก 6-8 รุ่น จากปัจจุบันที่มีวางจำหน่ายประมาณ 6 รุ่น

 

ส่วนตลาดในประเทศไทย ในช่วง 5 เดือนแรกที่ผ่านมา สามารถนำสินค้าเข้าไปวางจำหน่ายในช่องทางโมเดิร์นเทรดและร้านสะดวกซื้อเพิ่มขึ้น อาทิ เทสโก้โลตัส ท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ต แฟมิลี่มาร์ท ฯลฯ จากเดิมที่วางจำหน่ายในร้านสะดวก 7-11 เป็นช่องทางหลัก โดยจะขยายตลาดต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นในช่องทางร้านค้าแบบดั้งเดิมและร้านขายยา รวมถึงมีแผนทำแคมเปญการตลาดเพื่อตอกย้ำแบรนด์ถุงยางอนามัย PLAYBOY ในประเทศไทย