‘Atmos’ ฮึดสู้โควิด ขยายฐานจับวัยรุ่น

29 พ.ค. 2564 | 11:04 น.

โควิดระลอก 3 ทุบยอดขายหาย 90% “Atmos” แฟรนไชส์สนีกเกอร์ดังจากญี่ปุ่น เบรกแผนขยายสาขา ปรับโมเดลธุรกิจ ขยายฐานลูกค้าเด็ก

นายกรมิษฐ์ ตวิษาวิวิศน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แอทมอส (แบงคอก) จำกัด ผู้บริหารแฟรนไชส์ร้านรองเท้าสนีกเกอร์ “Atmos” เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ร้าน Atmos เป็นแฟรนไชส์ร้านรองเท้าสนีกเกอร์ ที่มีต้นกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น รวบรวมสินค้ารุ่น Exclusive จากหลายแบรนด์ดังระดับโลก เช่น Nike, adidas, ASICS, PUMA มาไว้ที่เดียวกัน

Atmos เข้ามาเปิดสาขาในประเทศไทยเป็นปีที่ 3 โดยเน้นโลเคชั่นกลางเมืองและแหล่งท่องเที่ยวของกรุงเทพฯและมีอัตราการเติบโตเป็นที่น่าพอใจ ก่อนที่จะเจอกับการระบาดของโควิด 19 ระลอกที่ 1 ส่งผลกระทบต่อธุรกิจโดยตรงทำให้รายได้หายไปราว 40% จากมาตรการล็อกดาวน์และนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลง

ในขณะเดียวกันยังต้องแบกรับภาระต้นทุนโดยเฉพาะค่าเช่า ซึ่งเป็นรายจ่ายที่สูง ดังนั้นแอทมอสได้ปรับตัวโดยหันรุกตลาดออนไลน์มากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับ Business model ของแบรนด์ดังในต่างประเทศ

“แบรนด์ต่างประเทศ พยายามให้เราทำตลาดออนไลน์มากขึ้น ซึ่งในเมืองไทยมันยังไม่ค่อยนิยม เพราะคนไทยยังชอบที่จะพูดคุยสื่อสารกับพนักงานขายและทดลองสินค้าก่อนซื้อ แต่เรามองว่าตัวออนไลน์ในอนาคตเป็นสิ่งที่จำเป็น”

สำหรับการรุกตลาดออนไลน์ของแอทมอส มีทิศทางที่ดีเห็นได้จากการจัดแคมเปญกระตุ้นตลาด Live sale ที่สามารถทำรายได้ 2-3 ล้านบาทต่อการไลฟ์ขายเพียงครั้งเดียว โดยสินค้าที่ยังขายดีต่อเนื่องคือ สินค้า limited edition ซึ่งมีฐานลูกค้าหนาแน่น เพราะบางส่วนซื้อเพื่อเก็งกำไรและขายหมดในเวลาไม่ถึง 10 นาที

‘Atmos’ ฮึดสู้โควิด ขยายฐานจับวัยรุ่น

อย่างไรก็ตามการระบาดของโควิดที่ต่อเนื่องมาจนถึงระลอกที่ 3 ทำให้กลยุทธิ์ Live sale ใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป โดยในการ Live sale หนึ่งครั้งสามารถทำรายได้เพียง 2-3 แสนบาทเท่านั้น นับว่ารายได้หายไปจากปีที่แล้วถึง 90%

“สิ่งที่เราทำได้คือพยายามโปรโมทสินค้าให้มากขึ้นโดยใช้ออนไลน์โปรโมชั่นเพื่อจูงใจลูกค้าให้ซื้อเก็บไว้ก่อน แล้วนำออกมาใช้เมื่อสถานการณ์การระบาดดีขึ้น ตอนนี้ช่องทางการขายเรามีทั้งเว็บไซต์ของเราเอง,LINE@, facebook และ IG ยอดขายยังมาจากออนไลน์ 80% ออฟไลน์ 20%”
 

ทำให้บริษัทต้องหันกลับมาทบทวน Business model ของตัวเองอีกครั้ง ทั้งการเลื่อนแผนขยายสาขาอีก 2 สาขาออกไปก่อน และมูฟเม้นต์ที่สำคัญในการพลิกกลับขึ้นมาบวกตามเป้าหมายการเติบโต 15% หรือรายได้ 200 ล้านบาทในปีนี้ หลังจากในปีที่ผ่านมาสามารถปิดรายได้ไปเพียง 170 ล้านบาทเท่านั้น โดยมุ่งขยายฐานลูกค้าในกลุ่มเด็กวัยรุ่นและการรุกตลาดต่างประเทศ

‘Atmos’ ฮึดสู้โควิด ขยายฐานจับวัยรุ่น

“เรากลับมาคิดว่า จะขยายสาขาไปในที่ที่มีกลุ่มลูกค้าเด็กมากขึ้น และกำลังศึกษาว่าเราควรจะเปิดร้านในสยาม 1 ร้าน เพราะสยามเป็นที่ของเด็กที่กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นช่วงที่เขากำลังค้นหาตัวเองในการแต่งตัว ซึ่งเป็นจุดสำคัญจุดหนึ่งที่เราควรจะไปโปรโมทแบรนด์ให้เขารู้จัก โดยบริษัทต้องการขยายกลุ่มลูกค้าไปยังผู้ที่มีอายุ 15-35 ปี จากเดิมที่มุ่งจับกลุ่มอายุ 18-35 ปีแทน”

ขณะเดียวกันก็ศึกษาตลาดต่างประเทศ เพราะเรามี License Atmos ในการตั้งช็อปในเมืองไทยเท่านั้น แต่บนออนไลน์สามารถขายบางแบรนด์ไปยังต่างประเทศได้ ดังนั้นจึงพยายามหาแบรนด์ใหม่ๆ ซึ่งตอนนี้มองไว้ 5-10 แบรนด์ รวมทั้งการร่วมมือกับ Atmos ในประเทศต่างๆ เพื่อบริการจัดการสต๊อกและจัดส่งสินค้า เพราะการที่จะมีลูกค้าเป็นคนไทยอย่างเดียวจะทำให้บริษัทไม่โต” 

หน้า 21-22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,683 วันที่ 30 พฤษภาคม - 2 มิถุนายน พ.ศ. 2564

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :