นางสาวจริยาพร ไตรทิพย์เจริญชัย รองผู้จัดการทั่วไปด้านบริหารผลิตภัณฑ์และด้านปฏิบัติการ บริษัทออลล์ การ์เดี้ยน จำกัด ในกลุ่ม ซีพี ออลล์ กล่าวว่า การ์เดี้ยน เป็นแบรนด์สุขภาพและความงามที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศสิงคโปร์มีสาขามากกว่า 2 พันกว่าสาขาทั่วประเทศ
สำหรับการเข้าทำตลาดในประเทศไทย ออลล์ การ์เดี้ยน ได้ร่วมมือกับ เซเว่น อีเลฟเว่น และ ALL ONLINE ซึ่งมีเป้าหมายสร้างสุขภาพให้ผู้บริโภคเหมือนกัน ทั้งยังมีพื้นฐานการกระจายสินค้าที่เข้มแข็ง ที่ช่วยสนับสนุนให้ ออลล์ การ์เดี้ยน สามารถนำสินค้าสุขภาพไปถึงมือคนไทยได้ทั่วประเทศ
ที่สำคัญการเข้าสู่ตลาดไทยครั้งนี้ ยังมีการตอบโจทย์พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคยุคปัจจุบัน เช่น การคงความชุ่มชื่น ท่ามกลางการชำระล้างที่ถี่ขึ้น สินค้าของออลล์ การ์เดี้ยน ในประเทศไทย รวมกว่า 160 SKU จึงต้องสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค และต้องมีความแปลกใหม่ตลอดทั้งปี ซึ่งการเริ่มต้นที่ดีนี้จะช่วยเสริมโอกาสสร้างความสำเร็จตามเป้าหมายในเมืองไทยอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ ออลล์ การ์เดี้ยน มีความมุ่งหวังที่จะนำเสนอสินค้าและประสบการณ์ด้านสุขภาพและความงามมาสู่คนไทย มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีสุขภาพที่นำมาซึ่งงาม ภายใต้คอนเซปต์คุ้มค่าได้คุณภาพ ซึ่งหลังจากนำสินค้าตัวแรกมาจำหน่ายในช่วงเดือนกันยายน ปี 63 ออลล์ การ์เดี้ยน ได้รับผลตอบรับที่ดีมาก
บริษัทจึงเร่งนำสินค้าคุณภาพเข้าสู่เมืองไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง “ครีมอาบน้ำ การ์เดี้ยน เชอร์รี่บลอสซั่ม” คืออีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกายแบบชำระล้าง ที่ช่วยลดการสูญเสียความชุ่มชื่น ทั้งยังตอบโจทย์พฤติกรรมการดูแลสุขภาพผิวของคนรุ่นใหม่ หรือคนหนุ่มสาวที่มีไลฟ์สไตล์สนใจด้านสุขภาพ รวมถึงมีการตอบสนองชีวิตยุคดิจิทัล ในแบบ New Normal อย่างครอบคลุม
ในส่วนของการทำการตลาดภายใต้สถานการณ์ covid ซึ่งผู้บริโภคมีความระมัดระวังในการใช้จ่าย ซึ่งบริษัทมีการปรับแผนกลยุทธิ์ เรื่องของสินค้าที่นำเข้ามา ให้ตอบโจทย์พฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป เช่นผลิตภัณฑ์ชำระล้างที่ยังคงความสดชื่น
ปัจุบัน บริษัทมีสินค้ามากกว่า 160 รายการโดยนำเข้าจากต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นจีน เกาหลี ญี่ปุ่น มาเลเซียฮ่องกง และออสเตรเลีย ซึ่งขั้นตอนการนำเข้า และการขึ้นทะเบียนตามกฎหมาย อาจมีความล่าช้า ส่งผลให้ในช่วงแรกของการทำตลาดในเมืองไทย จะเน้นจำหน่ายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น และมีแผนที่จะวางสินค้าใหม่ทุกๆเดือน
นอกจากนี้บริษัทยังมีเป้าหมายเราที่จะเติบโตในธุรกิจสุขภาพความงามในตลาดเมืองไทย โดยมีแผนเปิดร้าน แฟล็กชิฟสโตร์ ในภาพของการ์เดี้ยน health and beauty อย่างเต็มรูปแบบในเมืองไทย ซึ่งคาดหวังว่า จะเห็นเป็นรูปธรรมในอนาคตอันใกล้เมื่อโควิดคลี่คลายและตลาดมีความพร้อม
บริษัทมีการปรับแผนการตลาดผ่านช่องทางดิจิตอลออนไลน์มากขึ้น โดยวางแผนการเติบโตในลักษณะของค่อยๆเติบโตสอดคล้องให้กับการเติบโตของเซเว่น อีเลฟเว่น และชิงส่วนแบ่งการตลาดมาจากตลาดใหญ่
ผ่านการทำแคมเปญต่างๆ เช่น I miss Japan ถือเป็นอีกหนึ่งแคมเปญตลาดดิจิทัล ที่ตอบโจทย์การอยู่บ้านในสถานการณ์ช่วงนี้ได้เป็นอย่างดี
โดยเฉพาะการใช้เครื่องมือที่เข้าถึงกลุ่มรุ่นใหม่ อย่าง Facebook, YouTube, LINE และประสบการณ์ใหม่จากแอปพลิเคชั่นยอดนิยมอย่าง TikTok ที่กลุ่มเป้าหมายของออลล์ การ์เดี้ยน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ มีความคุ้นเคยเป็นอย่างดี ที่สำคัญ ออลล์ การ์เดี้ยน ยังได้ร่วมครีเอทแคมเปญ เพื่อสร้างชาเลนจ์ให้ใครก็ตามที่คิดถึงบรรยากาศแบบญี่ปุ่นๆ ได้มาร่วมสนุกกันในแอป TikTok อีกด้วย