ภายหลังจากที่คณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงในการบริหารกิจการของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ที่นำโดยนายถาวร เสนเนียม ,พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ที่เป็นหัวหน้าคณะทำงานฯได้แต่งตั้งคณะทำงานชุดย่อย 6 คณะและ มีผู้ให้ข้อมูลทั้งแบบเปิดเผยและไม่เปิดเผยอีกไม่น้อยกว่า 100 คน โดยมีกรอบของการตรวจสอบ 43 วัน ซึ่งหลังจากตรวจสอบก็พบสาเหตุของการขาดทุน
อย่างไรก็ตามหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจสอบนั้นได้สิ้นสุดลงแล้ว หลังจากนี้จะมีการนำผลสอบดังกล่าวไปยื่นต่อกระทรวงการคลัง,ปปช.และนายกรัฐมนตรีต่อไป
สำหรับจุดเริ่มต้นของการขาดทุนของการบินไทย
1 ) ปี 48 ซื้อเครื่องบิน A340-500 และ A340-600 จำนวน 10 ลำ มูลค่า 53,043.04 ล้านบาท การดำเนินงานขาดทุนทุกเที่ยวบิน จึงหยุดบินปี 56 ทำให้การบินไทยขาดทุนเพราะฝูงบินนี้ 39,860 ล้านบาท และขาดทุนจากการด้อยค่าของเครื่องบินไม่ต่ำกว่า 22,944 ล้านบาท โดยสรุปเฉพาะรุ่นA340 จำนวน 10 ลำ ทำการบินไทยขาดทุนไม่ต่ำกว่า 62,804 ล้านบาท
ปี 46 - 48 การบินไทยออกหุ้นกู้ครั้งแรกเพื่อนำเงินมาแก้ไขปัญหาขาดทุน มูลค่า 52,290 ล้านบาท ต่อมาปี 2551 ขาดทุนครั้งแรกมากที่สุด 21,450 ล้านบาท
ปี 60-62 ขาดทุนไม่ต่ำกว่า 25,659 ล้านบาท ทั้งที่จำนวนพนักงานลดลง ทั้งฝ่ายช่าง พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน แต่บริษัท มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เช่น หนี้หุ้นกู้เพิ่มขึ้น 13,173 ล้านบาท ค่าล่วงเวลานักบินและลูกเรือเพิ่มขึ้น 638 ล้านบาท ค่าล่วงเวลาฝ่ายช่างเพิ่มขึ้น 530.66 ล้านบาท แต่มีรายได้จากตั๋วโดยสารเฉลี่ยเพียง 6,361 บาท/ใบ มีภาระจ่ายดอกเบี้ยเฉลี่ยปีละ 4,555 ล้านบาท
ปี 2562 ขาดทุนมากที่สุด12,017 ล้านบาท แต่มีรายได้จากตั๋วโดยสารเฉลี่ยเพียง 6,081 บาท/ใบ มีค่าล่วงเวลาฝ่ายช่างสูงถึง 2,022.56 ล้านบาท ซึ่งข้อมูลพบว่าค่าล่วงเวลา OT ฝ่ายช่างสูงมาก ส่อทุจริต โดยมีผู้ทำ OT สูงสุดได้ถึง 3,354 ชั่วโมง หรือ ทำ OT ถึง 419 วัน ใน 1 ปี แต่ว่า 1 ปีมีเพียง 365 วัน
ส่วน 3 ปัจจัยที่ทำให้การบินไทยขาดทุนหลายหมื่นล้าน
1.ไม่ให้ความสำคัญต่อมติ ครม. ,ไม่นำความเห็นของสภาพัฒน์ และคลังไปประกอบการจัดซื้อเครื่องบินรุ่น A340 จำนวน 10 ลำ
2. การจ่ายสินบนของ โรลส์-รอยซ์ ผ่านนายหน้าคนกลางให้กับเจ้าหน้าที่รัฐและพนักงานการบินไทย วงเงินกว่า 254 ล้านบาท
3. ข้อมูลการจ่ายเงินสินบนไม่ต่ำกว่า 5% หรือประมาณ 2,652 ล้านบาทให้กับนักการเมือง เจ้าหน้าที่ และพนักงานการบินไทย แลกกับการจัดซื้อเครื่องบินรุ่น A340 จำนวน 10 ลำ และซื้ออะไหล่วงเงิน3,523.17 ล้านบาท ซึ่งบริษัทไม่เคยนำอะไหล่รุ่นนี้มาใช้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
2 )เช่าซื้อเครื่องบิน B787-800 จำนวน 6 ลำ มูลค่ารวม 28,266.9 ล้านบาท และ B787-900 จำนวน 2 ลำ ในราคาไม่เท่ากัน มีส่วนต่างของราคา 589 ล้านบาท บริหารผิดพลาดหลายอย่าง ทำสัญญาเช่าหละหลวม เฉพาะB787 ทั้ง 8 ลำ ทำให้การบินไทยเสียหายไม่ต่ำกว่า 3,927.67 ล้านบาท และไม่มีการรายงานการตรวจสอบข้อเท็จจริง หรือผลการสอบสวนหาผู้กระทำผิดให้บริษัทฯ ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด
3 )การทำสัญญาซ่อมบำรุงแบบเหมาจ่ายในปี60 – 62 เสียหายไม่ต่ำกว่า 12,792 ล้านบาท
4) ปี 2561-2562 บริษัทยังมีแผนการจัดหาเครื่องบินปี 2562-2569 อีกถึง 38 ลำ แต่บริษัทได้ทบทวนใหม่จากการทักท้วงของนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีฯซึ่งกำกับดูแลทำให้ต้องทบทวนโครงการใหม่
5)การจ่ายค่าชดเชยการคืนสภาพเครื่องบินA330-300 จำนวน 2 ลำ มีค่าใช้จ่ายถึง 1,458.96 ล้านบาท
6 ) การบริหารงานบุคคลล้มเหลว เอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้อง เช่น ผู้รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ได้รับเงินค่าตอบแทนเพิ่มปกติ 200,000 บาท ผ่านไป 9 เดือน เพิ่มเป็น 600,000 บาท/เดือน
7)ปี 60 -62 ขายตั๋วโดยสารในราคาที่ต่ำ เอื้อประโยชน์ให้ตัวแทนจำหน่ายตั๋วโดยสาร (Agent) ทั้งค่าคอมมิชชั่น ค่า Tier และค่า Incentive และกำหนดราคา Flash Sale (ราคาต่ำสุด) และยังพบว่ามีการโยกย้ายบุคคลใกล้ชิดให้ไปดำรงตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายขายทั่วไป (AA) ในต่างประเทศ และกำหนดเป้าหมายรายได้เพื่อให้ได้ค่า Incentive ตามที่ต้องการ
8)เอื้อประโยชน์ในการขยายอายุสัญญาให้เอกชนขายสินค้าปลอดภาษีบนเครื่อง โดยให้สิทธิกับรายเดิมแทนการประมูลสัมปทาน ทำให้การบินไทยเสียหายเป็นเงินกว่า 655 ล้านบาท
9)สายการบินไทยสมายล์ ซึ่งการบินไทยถือหุ้น100% ขาดทุนต่อเนื่องคาดสะสมไม่ต่ำกว่า 8,000 ล้านบาท
ถือเป็นสาเหตุหลักๆที่คณะกรรมการตรวจสอบฯได้พยายามสืบเสาะหาต้นตอของการขาดทุนอย่างมโหฬารของสายการบินแห่งชาติ อย่างไรก็ตามยังมีอีกหลายประเด็นที่อาจจะเป็นเหตุของการขาดทุนของการบินไทย ดังนี้
1.ผู้บริหารบางคนส่อร่ำรวยผิดปกติ
2.การจัดซื้ออุปกรณ์บนเครื่องบินปีละ 4,000-5,000 ล้านบาท ส่อทุจริต
3.การจัดหาวัตถุดิบของครัวการบินไทยที่ผูกขาด คิดมูลค่าปีละ 3,000-4,000 ล้านบาท
4.ผูกขาดการจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินปีละไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาท
5.ไม่สามารถเรียกเก็บเงินจากลูกค้าที่ใช้บริการฝ่ายช่างได้ในหลายกรณีมูลค่าความเสียหายกว่า 1,500 ล้านบาท
6.สัญญาเช่าซื้อเครื่องบิน ,จัดหาอะไหล่ และ ซ่อมบำรุงเครื่องยนต์แบบเหมาจ่ายส่อทุจริตไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท
7.คณะทำงานตรวจสอบฯยังไม่ได้ตรวจสอบข้อมูลของบริษัทย่อย โดยเชื่อว่าผลการดำเนินงานของบริษัทย่อย บริษัทร่วม จะมีผลต่อรายได้ รายจ่าย และผลประกอบการของการบินไทย อย่างมีนัยยะสำคัญ