เบอร์ 1 OTA ไทย
“แอสเซนด์ แทรเวล” เป็นบริษัทในเครือซีพี ภายใต้ “แอสเซนด์ กรุ๊ป” ที่ทำธุรกิจด้านบริการเทคโนโลยีทางการเงินและอี-คอมเมิร์ซอยู่แล้วเดิม ก่อนจะแตกไลน์มาเป็น แอสเซนด์ แทรเวล ซึ่งเป็นระบบจองที่พัก สำหรับองค์กรและการท่องเที่ยว เมื่อ 3 ปีก่อน โดยผมมองจากประสบการณ์ที่ผมเคยบริหารธุรกิจโรงแรมมากว่า 12 ปี ก็มองเห็นว่า ทำไมระบบสำรองห้องพักออนไลน์หรือออนไลน์ ทราเวล เอเย่นต์ (OTA) ในไทย จึงมีแต่ระบบของต่างชาติ พอมีโอกาสนำเสนอไอเดียไปยัง “ศุภชัย เจียรวนนท์” ท่านก็มองเห็นโอกาสธุรกิจนี้เช่นกัน และเมื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุน ก็เห็นว่าไปได้
ขณะที่รูปแบบการทำงานเราคิดแบบสตาร์ตอัพ คือ สตารต์แล้วต้องอัพขึ้นไปเรื่อยๆ ทำให้ในแต่ละปี เรามีรายได้เติบโต 100% ทุกปี จาก 40 ล้าน เพิ่มมาเป็น 140 กว่าล้านบาทในปีที่ผ่านมา และกว่า 80% เป็นการจองห้องพักภายในเมืองไทย
วันนี้เราก็เป็นเบอร์ 1 แพลตฟอร์มออนไลน์ของเมืองไทย ด้านบริการสำรองห้องพักสำหรับองค์กรและการท่องเที่ยวแล้ว โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเราให้บริการระบบจองที่พัก สำหรับการเดินทางภาคธุรกิจ (B2B) เป็นหลักผ่าน www.ascendtravel.com ซึ่งได้รับการตอบรับจากตลาดเป็นอย่างดี โดยมีฐานลูกค้าคอร์ปอเรต ใช้บริการอยู่ 200 บริษัทส่วนใหญ่เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาทขึ้นไป อาทิ โอสถสภา, กสิกรไทย, เอสซีจี แม้เราจะเป็นบริษัทในเครือซีพี แต่ลูกค้าของแอสเซนด์ แทรเวล 60% เป็นบริษัทคอร์ปอเรตจากนอกองค์กร อีก 40% เป็นบริษัทในเครือซีพี
เนื่องจากเรามีการพัฒนาระบบที่ตอบโจทย์การเดินทางไปทำงานของพนักงานในบริษัทต่างๆ ระบบจะทำให้เกิดการจองที่ง่าย จองแบบเรียลไทม์ ทั้งแต่ละบริษัทค้นหาข้อมูลที่พักในแต่ละสาขาของตัวเองทั่วประเทศได้ ควบคุมค่าใช้จ่ายในการจองได้ หัวหน้างานจะเห็นการจองห้องของพนักงาน มีระบบการชำระเงินวางบิลและเรายังออกใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบโรงแรมในไทยให้ด้วย ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลา ทั้งเรายังให้บริการจองที่พักสำหรับพนักงานเพื่อท่องเที่ยวแบบส่วนตัวด้วย
เน้นวันสต็อปเซอร์วิส
ปัจจุบันแอสเซนด์ แทรเวล นอกจากจะเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ในเรื่องของที่พัก ซึ่งมีโรงแรม 8 แสนแห่งทั่วโลก และ 3.5 หมื่นแห่งในไทย ให้เลือกจอง ตั้งแต่ราคาหลักร้อยไปจนถึงโรงแรมระดับ 5 ดาวแล้ว วันนี้เรายังให้บริการในลักษณะ วันสต็อป เซอร์วิส เป็นเหมือนบริษัททัวร์ ให้บริการการเดินทางและท่องเที่ยวแบบครบวงจร อาทิ จองตั๋วเครื่องบินและขอวีซ่าทั่วโลก บริการเช่าเครื่องบินส่วนตัว ทริปเดินทางในประเทศและต่างประเทศ จัดงานประชุมสัมมนา
“จากการพัฒนาระบบที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า ทำให้การบริการของเราจึงเป็นไปในลักษณะไฮบริด คือเป็นทั้ง OTA กับ บิสิเนส โซลูชั่น ทำให้เราสร้างให้แอสเซนด์ แทรเวล เป็นโมเดลใหม่ในการดำเนินธุรกิจที่แตกต่างจาก OTA สัญชาติไทยรายอื่น และแตกต่างจาก OTA ต่างชาติ”
พลิกวิกฤติเป็นโอกาส
ในปีนี้เดิมมองว่าจะเริ่มทำกำไรได้แล้ว ตั้งเป้ารายได้ที่ 200 ล้านบาท แต่มาเจอโควิด-19 ทำให้ยอดการจองห้องพักเป็นศูนย์ในช่วงที่มีการล็อกดาวน์หลายเดือน แต่หลังคลายล็อกดาวน์การเดินทางก็เริ่มกลับมา ทั้งรัฐบาลมีโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ที่จะสนับสนุนค่าที่พักให้ไทยเที่ยวในประเทศ 40% ประกอบกับคุณ “ศุภชัย เจียรวนนท์” ก็มองว่า โควิดอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยกระทบมาก ก็อยากให้เราไปเข้าไปดูว่าจะเข้าไปช่วยอย่างไรได้บ้าง และเราก็มองว่าจะเป็นอีกช่องทางในการทำตลาดและประชาสัมพันธ์ให้คนทั่วไปเข้าใจการให้บริการของแอสเซนด์ แทรเวล เพื่อเราจะได้ขยายฐานลูกค้าไปให้บริการแก่ลูกค้าทั่วไปหรือ B2C ในอนาคต
เราใช้เวลาไม่นานในการพัฒนาระบบการจองของแอสเซนด์ แทรเวล ให้สามารถเข้าไปร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกันได้ โดยรัฐเปิดตัวโครงการนี้วันที่ 16 มิ.ย.63 เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนวันที่ 15 ก.ค.63 และเราทำระบบจนเข้าร่วมโครงการได้ในวันที่ 17 ก.ค.63 ทำให้เราเป็น OTA คนไทย ที่เข้าไปร่วมให้บริการจองที่พักในโครงการนี้ได้ นอกเหนือจากอโกด้า ที่เป็น OTA ของต่างชาติ
หากเปรียบเทียบการให้บริการในการจองที่พักในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ซึ่งมี 3 ช่องทาง ได้แก่ 1.แอสเซนด์ แทรเวล 2. อโกด้า และ 3.การจองตรงกับโรงแรมที่เข้าร่วมโครงการ การแสดงราคาที่พักของแอสเซนด์ แทรเวล จะแสดงราคาสุทธิชัดเจน หัก 40% ที่รัฐบาลสนับสนุนออกไปแล้ว คนจองจะเห็นราคาสุทธิ จ่ายเท่าที่เห็น แตกต่างจากอโกด้า ที่ราคาสุทธิจะเห็นตอนชำระเงิน ขณะที่หากจองตรงกับโรงแรม ราคาก็จะแล้วแต่ทางผู้ประกอบการ ทั้งโรงแรมที่เราขายจะเน้นผู้ประกอบการรายเล็กและกลางและออกใบกำกับภาษีให้ด้วย ขณะที่อโกด้า จะไม่สามารถออกใบกำกับภาษีให้ได้
การเข้าร่วมโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” เป็นอีกหนึ่งช่องทาง ในการขยายฐานลูกค้าของแอสเซนด์ แทรเวล จากกลุ่มลูกค้าองค์กร มาสู่กลุ่มลูกค้าทั่วไปในอนาคตด้วยนั่นเอง
หน้า 21-22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,601 วันที่ 16 - 19 สิงหาคม พ.ศ. 2563